ธรรมะเพื่อการเจริญสติ รู้กาย รู้ใจ ตามความเป็นจริง ด้วยจิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลางโดยพระปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม A collection of the Lord Buddha's teachings conveyed by the venerable Luangpor Pramote Pamojjo, a master teacher of mindfulness for the modern world and Vipassana meditation.
…
continue reading
ธรรมะเพื่อการเจริญสติ รู้กาย รู้ใจ ตามความเป็นจริง ด้วยจิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลางโดยพระปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม A collection of the Lord Buddha's teachings conveyed by the venerable Luangpor Pramote Pamojjo, a master teacher of mindfulness for the modern world and Vipassana meditation.
…
continue reading
…
continue reading
…
continue reading
…
continue reading
…
continue reading
…
continue reading
…
continue reading
…
continue reading
…
continue reading
…
continue reading
…
continue reading
…
continue reading
…
continue reading
1
วิธีพ้นการเวียนว่ายตายเกิด : หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช 25 ส.ค. 2567
1:05:26
1:05:26
เล่นในภายหลัง
เล่นในภายหลัง
ลิสต์
ถูกใจ
ที่ถูกใจแล้ว
1:05:26
การที่เรายังยึดติดในกายในใจ เรายังไม่พ้นการเวียนว่ายตายเกิด เราต้องหมดความยึดติดในกายในใจ เราถึงจะพ้นไป โลกคือหมู่สัตว์ โลกคือรูปนาม หมู่สัตว์มันก็คือรูปกับนามนั่นล่ะ ฉะนั้นจิตเราจะพ้นจากโลกได้ พ้นจากความเป็นสัตว์ได้ ก็ต้องหมดความยึดถือในรูปนาม ถ้าเรายังยึดกายอยู่ เราก็ยังติดกาม หรือติดรูปฌาน ถ้าเรายึดจิตอยู่ก็ยังไปติดอยู่ในอรูปฌานได้ ทําอย่างไรเรา…
…
continue reading
1
วิธีพ้นการเวียนว่ายตายเกิด : หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช 25 ส.ค. 2567
1:05:26
1:05:26
เล่นในภายหลัง
เล่นในภายหลัง
ลิสต์
ถูกใจ
ที่ถูกใจแล้ว
1:05:26
การที่เรายังยึดติดในกายในใจ เรายังไม่พ้นการเวียนว่ายตายเกิด เราต้องหมดความยึดติดในกายในใจ เราถึงจะพ้นไป โลกคือหมู่สัตว์ โลกคือรูปนาม หมู่สัตว์มันก็คือรูปกับนามนั่นล่ะ ฉะนั้นจิตเราจะพ้นจากโลกได้ พ้นจากความเป็นสัตว์ได้ ก็ต้องหมดความยึดถือในรูปนาม ถ้าเรายังยึดกายอยู่ เราก็ยังติดกาม หรือติดรูปฌาน ถ้าเรายึดจิตอยู่ก็ยังไปติดอยู่ในอรูปฌานได้ ทําอย่างไรเรา…
…
continue reading
1
ไม่มีอะไรมีโทษร้ายแรงเท่ามิจฉาทิฏฐิ : หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช 24 ส.ค. 2567
1:02:35
1:02:35
เล่นในภายหลัง
เล่นในภายหลัง
ลิสต์
ถูกใจ
ที่ถูกใจแล้ว
1:02:35
สิ่งที่เป็นภัยมากที่สุดคือตัวมิจฉาทิฏฐิ ยิ่งพวกเซลฟ์จัด แล้วก็จัดแบบไม่รู้ถูก ความถูกต้อง เผยแพร่ออกไป พวกนี้อันตราย ระมัดระวังของเรา ความชั่วทั้งหลายอย่าไปทำ ความดีมีโอกาสทำ ให้รีบทำเสีย อย่าปล่อยเวลาให้ผ่านไป น่าเสียดาย ควรจะทำดีได้ 10,000 ครั้ง ก็ปล่อยเวลาทิ้งไป เลยได้ 9,000 ครั้ง น่าเสียดาย ขาดทุน พวกเรามีโอกาสเรียนธรรมะ ก็ตั้งอกตั้งใจเรียน สิ่…
…
continue reading
1
ไม่มีอะไรมีโทษร้ายแรงเท่ามิจฉาทิฏฐิ : หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช 24 ส.ค. 2567
1:02:35
1:02:35
เล่นในภายหลัง
เล่นในภายหลัง
ลิสต์
ถูกใจ
ที่ถูกใจแล้ว
1:02:35
สิ่งที่เป็นภัยมากที่สุดคือตัวมิจฉาทิฏฐิ ยิ่งพวกเซลฟ์จัด แล้วก็จัดแบบไม่รู้ถูก ความถูกต้อง เผยแพร่ออกไป พวกนี้อันตราย ระมัดระวังของเรา ความชั่วทั้งหลายอย่าไปทำ ความดีมีโอกาสทำ ให้รีบทำเสีย อย่าปล่อยเวลาให้ผ่านไป น่าเสียดาย ควรจะทำดีได้ 10,000 ครั้ง ก็ปล่อยเวลาทิ้งไป เลยได้ 9,000 ครั้ง น่าเสียดาย ขาดทุน พวกเรามีโอกาสเรียนธรรมะ ก็ตั้งอกตั้งใจเรียน สิ่…
…
continue reading
…
continue reading
…
continue reading
…
continue reading
…
continue reading
…
continue reading
…
continue reading
…
continue reading
…
continue reading
…
continue reading
…
continue reading
…
continue reading
…
continue reading
…
continue reading
…
continue reading
1
รู้เท่าทันความปรุงแต่งของจิต : หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช 28 ส.ค. 2567
26:57
26:57
เล่นในภายหลัง
เล่นในภายหลัง
ลิสต์
ถูกใจ
ที่ถูกใจแล้ว
26:57
เครื่องมือสำคัญที่เราจะอ่านความปรุงแต่งของจิตออก มีเครื่องมือหลักๆ 2 ตัว สติกับสมาธิ สติเป็นตัวรู้ทัน สังเกตจิตใจเรามีความปรุงแต่งใดๆ เกิดขึ้นให้รู้ทัน ปรุงสุข ปรุงทุกข์ ให้รู้ทัน ปรุงเฉยๆ ไม่สุข ไม่ทุกข์ ให้รู้ทัน ปรุงดี ปรุงชั่ว ให้รู้ทัน หัดรู้ทันความปรุงแต่งไป แล้วต่อไปเราจะเห็นความปรุงแต่งกับจิตมันทำงานด้วยกัน เกิดมาด้วยกัน แต่มันเป็นคนละอันกั…
…
continue reading
1
รู้เท่าทันความปรุงแต่งของจิต : หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช 28 ส.ค. 2567
26:57
26:57
เล่นในภายหลัง
เล่นในภายหลัง
ลิสต์
ถูกใจ
ที่ถูกใจแล้ว
26:57
เครื่องมือสำคัญที่เราจะอ่านความปรุงแต่งของจิตออก มีเครื่องมือหลักๆ 2 ตัว สติกับสมาธิ สติเป็นตัวรู้ทัน สังเกตจิตใจเรามีความปรุงแต่งใดๆ เกิดขึ้นให้รู้ทัน ปรุงสุข ปรุงทุกข์ ให้รู้ทัน ปรุงเฉยๆ ไม่สุข ไม่ทุกข์ ให้รู้ทัน ปรุงดี ปรุงชั่ว ให้รู้ทัน หัดรู้ทันความปรุงแต่งไป แล้วต่อไปเราจะเห็นความปรุงแต่งกับจิตมันทำงานด้วยกัน เกิดมาด้วยกัน แต่มันเป็นคนละอันกั…
…
continue reading
…
continue reading
…
continue reading
…
continue reading
…
continue reading
1
มีสติรู้ทันจิตออกนอกคือการเจริญมรรค : หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช 18 ส.ค. 2567
1:03:37
1:03:37
เล่นในภายหลัง
เล่นในภายหลัง
ลิสต์
ถูกใจ
ที่ถูกใจแล้ว
1:03:37
ธรรมชาติของจิตย่อมส่งออกนอก แต่ถ้าส่งออกนอกแล้วเราไม่รู้ทัน มันก็จะเป็นสมุทัย เป็นเหตุให้เกิดทุกข์ จิตที่ออกนอกมันไปด้วยกำลังของตัณหา มันผลักดันออกไป ผลที่ตามมาคือทุกข์ทั้งสิ้น มีภาระทางใจเกิดขึ้นเรียกว่าทุกข์ ท่านก็เลยสอนบอกว่าอย่าส่งจิตออกนอก แต่ธรรมดาจิตย่อมส่งออกนอก แต่เมื่อจิตส่งออกนอกแล้วให้มีสติรู้ทัน ตรงนั้นล่ะท่านบอกอันนั้นคือการเจริญมรรค …
…
continue reading
1
มีสติรู้ทันจิตออกนอกคือการเจริญมรรค : หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช 18 ส.ค. 2567
1:03:37
1:03:37
เล่นในภายหลัง
เล่นในภายหลัง
ลิสต์
ถูกใจ
ที่ถูกใจแล้ว
1:03:37
ธรรมชาติของจิตย่อมส่งออกนอก แต่ถ้าส่งออกนอกแล้วเราไม่รู้ทัน มันก็จะเป็นสมุทัย เป็นเหตุให้เกิดทุกข์ จิตที่ออกนอกมันไปด้วยกำลังของตัณหา มันผลักดันออกไป ผลที่ตามมาคือทุกข์ทั้งสิ้น มีภาระทางใจเกิดขึ้นเรียกว่าทุกข์ ท่านก็เลยสอนบอกว่าอย่าส่งจิตออกนอก แต่ธรรมดาจิตย่อมส่งออกนอก แต่เมื่อจิตส่งออกนอกแล้วให้มีสติรู้ทัน ตรงนั้นล่ะท่านบอกอันนั้นคือการเจริญมรรค …
…
continue reading
…
continue reading
…
continue reading
…
continue reading
…
continue reading
1
ภาวนาจากหยาบสู่ละเอียด : หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช 17 ส.ค. 2567
59:45
59:45
เล่นในภายหลัง
เล่นในภายหลัง
ลิสต์
ถูกใจ
ที่ถูกใจแล้ว
59:45
เราค่อยภาวนาจากสิ่งที่หยาบๆ ไปสู่ความละเอียดประณีต ถึงจิตถึงใจมากขึ้นๆ เป็นลำดับไป จนวันหนึ่งจิตเราพ้นจากอาสวกิเลส รู้ไปเป็นลำดับๆ ไป มันจะค่อยละเอียด ค่อยประณีตมากขึ้นๆ ทีแรกไม่ต้องคิดมาก ถ้าเราจะดูกาย เราก็เห็นร่างกายไปเลย ด้วยจิตใจธรรมดาอย่างขณะนี้ เห็นร่างกายมันนั่ง ร่างกายที่นั่งอยู่มันถูกรู้ถูกดู ไม่ใช่ตัวเรา ไม่ใช่ของเรา ขั้นแรกยังเจือการคิด…
…
continue reading
1
ภาวนาจากหยาบสู่ละเอียด : หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช 17 ส.ค. 2567
59:45
59:45
เล่นในภายหลัง
เล่นในภายหลัง
ลิสต์
ถูกใจ
ที่ถูกใจแล้ว
59:45
เราค่อยภาวนาจากสิ่งที่หยาบๆ ไปสู่ความละเอียดประณีต ถึงจิตถึงใจมากขึ้นๆ เป็นลำดับไป จนวันหนึ่งจิตเราพ้นจากอาสวกิเลส รู้ไปเป็นลำดับๆ ไป มันจะค่อยละเอียด ค่อยประณีตมากขึ้นๆ ทีแรกไม่ต้องคิดมาก ถ้าเราจะดูกาย เราก็เห็นร่างกายไปเลย ด้วยจิตใจธรรมดาอย่างขณะนี้ เห็นร่างกายมันนั่ง ร่างกายที่นั่งอยู่มันถูกรู้ถูกดู ไม่ใช่ตัวเรา ไม่ใช่ของเรา ขั้นแรกยังเจือการคิด…
…
continue reading
…
continue reading
…
continue reading
…
continue reading
…
continue reading
…
continue reading
…
continue reading