Artwork

เนื้อหาจัดทำโดย Fatoutkey เนื้อหาพอดแคสต์ทั้งหมด รวมถึงตอน กราฟิก และคำอธิบายพอดแคสต์ได้รับการอัปโหลดและจัดหาให้โดยตรงจาก Fatoutkey หรือพันธมิตรแพลตฟอร์มพอดแคสต์ของพวกเขา หากคุณเชื่อว่ามีบุคคลอื่นใช้งานที่มีลิขสิทธิ์ของคุณโดยไม่ได้รับอนุญาต คุณสามารถปฏิบัติตามขั้นตอนที่แสดงไว้ที่นี่ https://th.player.fm/legal
Player FM - แอป Podcast
ออฟไลน์ด้วยแอป Player FM !

The Cholesterol Wars หนังสือ และงานวิจัยของ Prof. Daniel Steinberg MD, PhD 5 ฉบับ (ตอนจบ)

1:25:24
 
แบ่งปัน
 

Manage episode 421127497 series 3233261
เนื้อหาจัดทำโดย Fatoutkey เนื้อหาพอดแคสต์ทั้งหมด รวมถึงตอน กราฟิก และคำอธิบายพอดแคสต์ได้รับการอัปโหลดและจัดหาให้โดยตรงจาก Fatoutkey หรือพันธมิตรแพลตฟอร์มพอดแคสต์ของพวกเขา หากคุณเชื่อว่ามีบุคคลอื่นใช้งานที่มีลิขสิทธิ์ของคุณโดยไม่ได้รับอนุญาต คุณสามารถปฏิบัติตามขั้นตอนที่แสดงไว้ที่นี่ https://th.player.fm/legal

ไลฟ์ #75: The Cholesterol Wars หนังสือ และงานวิจัยของ Prof. Daniel Steinberg MD, PhD จำนวน 5 ฉบับ (ตอนจบ) หลังจากที่พฤติกรรมของคนทั่วโลกเปลี่ยนเป็นเสพข้อมูลเกือบทุกประเภทผ่านทางโซเชียลมีเดีย การให้ข้อมูลที่ผิดจากการไม่รู้จริง (Misinformation) และ การจงใจบิดเบือนข้อมูล (Disinformation) กลายเป็นอันตรายอันดับที่ 2 ใน 2 ปีข้างหน้า จากรายงานของ World Economic Forum พี่ปุ๋มเคยเขียนโพสต์สรุปรายงานของ WEF ไปแล้วค่ะ อันตรายของการมีระดับ cholesterol และ ldl-cholesterol สูงเกินกว่าระดับทางสรีรวิทยา เป็นหัวข้อที่ดีเบตกันทางโซเชียลมีเดียในเรื่องสุขภาพมากที่สุดเรื่องหนึ่ง มีการให้ข้อมูลที่ผิดพลาดจากการไม่รู้จริงและหรือการจงใจบิดเบือนข้อมูลในโลกโซเชียลมีเดีย ซึ่งก่อให้เกิดความสับสนและทำให้คนบางคนที่มีระดับ ldl-cholesterol สูงลิ่ว ตัดสินใจปฏิเสธการได้รับยาลดไขมันในเลือด ถ้าจะว่าไปการดีเบตนี้ไม่ใช่เพิ่งมี แต่เกิดขึ้นนับย้อนกลับไปได้มากกว่า 50 ปี ในไลฟ์#74 นี้ พี่ปุ๋มจะพาน้องๆไปทำความรู้จัก Prof.Daniel Steinberg MD, PhD นักชีวเคมีและแพทย์ที่ได้รับการเทรนจาก Harvard Medical School ที่เข้าไปเริ่มต้นงานวิจัยที่ National Heart Institute ตั้งแต่เพิ่งเริ่มก่อตั้งในช่วงปี ค.ศ. 1950 เขาบุกเบิกงานวิจัยเรื่อง lipoproteins กับความเกี่ยวพันโรคหัวใจมาตลอดระยะเวลาการทำงาน 64 ปี แรงบันดาลใจมาจากงานวิจัยของ Prof.John Gofman MD, PhD Godfather ของ Clinical Lipidology ซึ่งค้นพบ plasma lipoproteins 3 ประเภท (VLDL, LDL, HDL) ในทศวรรษที่ 1950 ผลงานวิจัยที่ถือว่าเป็นคุณูปการยิ่งใหญ่ต่อวงการ Clinical Lipidology คือการที่ Prof.Daniel และทีมนักวิจัย ค้นพบกระบวนการที่ LDL-particle เมื่อแทรกเข้าไปใต้ชั้นหลอดเลือดและติดกับ proteoglycan แล้ว จะต้องมีขั้นตอนการเกิด LDL-particle modification ซึ่งเกี่ยวข้องกับ lipid peroxidation ก่อนที่ scavenger receptor บน macrophage จะสามารถดูดคอเลสเตอรอลเข้าไปได้ เป็นที่มาของ The LDL Oxidation Hypothesis สำหรับการเกิด atherosclerosis ในปี 1984 ตลอดอายุขัยของเขา (เสียชีวิตเมื่อปี 2015 อายุ 93 ปี) ทำงานวิจัยตีพิมพ์มากกว่า 400 ฉบับ งานวิจัย 5 ฉบับที่พี่ปุ๋มจะนำมาทะยอยสรุปให้น้องๆได้ฟัง ถือได้ว่าคือ Cholesterol Masterclass ชั้นยอดเลยค่ะ จะทำให้เราสิ้นสงสัยกับข้อมูลผิดๆเกี่ยวกับ cholesterol ที่แพร่กระจายกันอยู่ทางโซเชียลมีเดีย หนังสือ The Cholesterol Wars ที่เขาเขียนในปี 2007 นั้น รวบรวมดีเบตเกี่ยวกับความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ cholesterol กับความเกี่ยวพันโรคหลอดเลือดหัวใจ พร้อมทั้งหลักฐานงานวิจัยที่สนับสนุน Low-density lipoproteins cause atherosclerosis ค่ะ #หาคำตอบสุขภาพจากงานวิจัยไม่ใช่จากเรื่องเล่า#FatoutHealthspans

  continue reading

131 ตอน

Artwork
iconแบ่งปัน
 
Manage episode 421127497 series 3233261
เนื้อหาจัดทำโดย Fatoutkey เนื้อหาพอดแคสต์ทั้งหมด รวมถึงตอน กราฟิก และคำอธิบายพอดแคสต์ได้รับการอัปโหลดและจัดหาให้โดยตรงจาก Fatoutkey หรือพันธมิตรแพลตฟอร์มพอดแคสต์ของพวกเขา หากคุณเชื่อว่ามีบุคคลอื่นใช้งานที่มีลิขสิทธิ์ของคุณโดยไม่ได้รับอนุญาต คุณสามารถปฏิบัติตามขั้นตอนที่แสดงไว้ที่นี่ https://th.player.fm/legal

ไลฟ์ #75: The Cholesterol Wars หนังสือ และงานวิจัยของ Prof. Daniel Steinberg MD, PhD จำนวน 5 ฉบับ (ตอนจบ) หลังจากที่พฤติกรรมของคนทั่วโลกเปลี่ยนเป็นเสพข้อมูลเกือบทุกประเภทผ่านทางโซเชียลมีเดีย การให้ข้อมูลที่ผิดจากการไม่รู้จริง (Misinformation) และ การจงใจบิดเบือนข้อมูล (Disinformation) กลายเป็นอันตรายอันดับที่ 2 ใน 2 ปีข้างหน้า จากรายงานของ World Economic Forum พี่ปุ๋มเคยเขียนโพสต์สรุปรายงานของ WEF ไปแล้วค่ะ อันตรายของการมีระดับ cholesterol และ ldl-cholesterol สูงเกินกว่าระดับทางสรีรวิทยา เป็นหัวข้อที่ดีเบตกันทางโซเชียลมีเดียในเรื่องสุขภาพมากที่สุดเรื่องหนึ่ง มีการให้ข้อมูลที่ผิดพลาดจากการไม่รู้จริงและหรือการจงใจบิดเบือนข้อมูลในโลกโซเชียลมีเดีย ซึ่งก่อให้เกิดความสับสนและทำให้คนบางคนที่มีระดับ ldl-cholesterol สูงลิ่ว ตัดสินใจปฏิเสธการได้รับยาลดไขมันในเลือด ถ้าจะว่าไปการดีเบตนี้ไม่ใช่เพิ่งมี แต่เกิดขึ้นนับย้อนกลับไปได้มากกว่า 50 ปี ในไลฟ์#74 นี้ พี่ปุ๋มจะพาน้องๆไปทำความรู้จัก Prof.Daniel Steinberg MD, PhD นักชีวเคมีและแพทย์ที่ได้รับการเทรนจาก Harvard Medical School ที่เข้าไปเริ่มต้นงานวิจัยที่ National Heart Institute ตั้งแต่เพิ่งเริ่มก่อตั้งในช่วงปี ค.ศ. 1950 เขาบุกเบิกงานวิจัยเรื่อง lipoproteins กับความเกี่ยวพันโรคหัวใจมาตลอดระยะเวลาการทำงาน 64 ปี แรงบันดาลใจมาจากงานวิจัยของ Prof.John Gofman MD, PhD Godfather ของ Clinical Lipidology ซึ่งค้นพบ plasma lipoproteins 3 ประเภท (VLDL, LDL, HDL) ในทศวรรษที่ 1950 ผลงานวิจัยที่ถือว่าเป็นคุณูปการยิ่งใหญ่ต่อวงการ Clinical Lipidology คือการที่ Prof.Daniel และทีมนักวิจัย ค้นพบกระบวนการที่ LDL-particle เมื่อแทรกเข้าไปใต้ชั้นหลอดเลือดและติดกับ proteoglycan แล้ว จะต้องมีขั้นตอนการเกิด LDL-particle modification ซึ่งเกี่ยวข้องกับ lipid peroxidation ก่อนที่ scavenger receptor บน macrophage จะสามารถดูดคอเลสเตอรอลเข้าไปได้ เป็นที่มาของ The LDL Oxidation Hypothesis สำหรับการเกิด atherosclerosis ในปี 1984 ตลอดอายุขัยของเขา (เสียชีวิตเมื่อปี 2015 อายุ 93 ปี) ทำงานวิจัยตีพิมพ์มากกว่า 400 ฉบับ งานวิจัย 5 ฉบับที่พี่ปุ๋มจะนำมาทะยอยสรุปให้น้องๆได้ฟัง ถือได้ว่าคือ Cholesterol Masterclass ชั้นยอดเลยค่ะ จะทำให้เราสิ้นสงสัยกับข้อมูลผิดๆเกี่ยวกับ cholesterol ที่แพร่กระจายกันอยู่ทางโซเชียลมีเดีย หนังสือ The Cholesterol Wars ที่เขาเขียนในปี 2007 นั้น รวบรวมดีเบตเกี่ยวกับความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ cholesterol กับความเกี่ยวพันโรคหลอดเลือดหัวใจ พร้อมทั้งหลักฐานงานวิจัยที่สนับสนุน Low-density lipoproteins cause atherosclerosis ค่ะ #หาคำตอบสุขภาพจากงานวิจัยไม่ใช่จากเรื่องเล่า#FatoutHealthspans

  continue reading

131 ตอน

ทุกตอน

×
 
ไลฟ์ #87: ข้อบกพร่องงานวิจัย Keto trial (Lean Mass Hyper Responder trial) วันเสาร์ 30 พ.ย. 2567เวลา 19.00 น. ความพยายามที่ Dave Feldman จะพิสูจน์ Lipid Energy Model ในกลุ่ม Lean Mass Hyper Responder Phenotypes ที่ได้รับโภชนาการแบบคีโตเป็นเวลานานแล้วทำให้ระดับ LDL-C สูงลิ่ว Triglyceride ต่ำ และ HDL-C สูงลิ่ว (Lipid Triad) ว่าไม่มีความสัมพันธ์กับการเพิ่มความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตันทำให้เขาก่อตั้ง Citizen Science Foundations เพื่อระดมทุนในการทำการศึกษาเกี่ยวกับ LMHRs การศึกษาแรกภายใต้การระดมทุนขององค์กรนี้ชื่อ Carbohydrate Restriction-Induced Elevation in LDL-Cholesterol and Atherosclerosis (Keto trial) ซึ่งได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร JACC: Advance Vol 3, Issue 8 เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2567 พี่ปุ๋มวางลิ้งค์งานวิจัยฉบับเต็มไว้ให้ค่ะ https://www.sciencedirect.com/.../pii/S2772963X2400303X... การศึกษานี้นักวิจัยที่เป็นชื่อแรกในการศึกษาคือ Matthew Budoff MD. วัตถุประสงค์ของการศึกษาเพื่อทำความเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่าง LDL-Cholesterol และตัวบ่งชี้ (CCTA และ CAC) หลอดเลือดหัวใจอุดตันในกลุ่ม LMHR Phenotypesการศึกษานี้ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จาก Science Community อย่างร้อนแรง ตั้งแต่ criteria การคัดเลือก LMHR เพื่อเข้า-ออกจากการศึกษา ระเบียบวิธีวิจัย การแปลผล กลุ่มควบคุม (Controlled group) ระยะเวลาของการศึกษา ฯลฯในไลฟ์ #87 นี้ พี่ปุ๋มจะใช้ข้อมูลจากหลายแหล่ง ในการชี้ให้เห็นข้อบกพร่องของการศึกษานี้ เพื่อให้พวกเราได้รับข้อมูลหลากหลายด้าน นำมาประกอบการพิจารณาเลือกใช้โภชนาการที่เหมาะสมในการดูแลสุขภาพหัวใจกันค่ะเชิญรับชมได้ค่ะ #หาคำตอบสุขภาพจากงานวิจัยไม่ใช่จากเรื่องเล่า #FatOutHealthspans…
 
ไลฟ์ #86: N = 1 Bro Science กินไข่ 720 ฟองต่อเดือน ทำไมระดับคอเลสเตอรอลในเลือดไม่เพิ่มขึ้น 😁 วันเสาร์ 23 พ.ย. 2568 เวลา 19.00 น. หลังจาก N = 1 Oreo cookie ลดระดับ LDL-C ใน LMHR Phenotype ของ Nick Norwitz เขาก็สร้าง Click bait N = 1 Bro Scienceใหม่ด้วยการกินไข่ชั่วโมงละ 1 ฟองติดต่อกันเป็นเวลาหนึ่งเดือน รวมจำนวนไข่ที่เขาบริโภค 720 ฟอง 🥚🥚🥚 คอเลสเตอรอล 185 มก./ไข่ 1 ฟอง = 133,200 มก. ปรากฎว่านอกจากระดับคอเลสเตอรอลในกระแสเลือดของเขาไม่เพิ่มเลย หนำซ้ำกลับลดลงราว 18% ด้วยซ้ำ เมื่อเขาเพิ่มการกินคาร์บ เป็นที่ฮือฮาในกลุ่มที่เชื่อว่าการบริโภคไข่ ซึ่งเป็นแหล่งให้ dietary cholesterol มากเท่าไหร่ ก็ไม่มีผลกระทบกับระดับคอเลสเตอรอลในเลือด สิ่งที่ Nick Norwitz ไม่อธิบายข้อเท็จจริงให้ชัดเจน จากงานวิจัยที่พี่มั่นใจว่าเขารู้ และชอบอ้างว่า สิ่งที่เขาทำเป็น “Intellectual Provocative” สนุกๆของเขา โดยไม่มีคำเตือนให้กับประชาชนอย่างเหมาะสม ในฐานะที่เขาเป็นบุคคลากรทางการแพทย์ อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดและอาจเกิดการปฏิบัติตามต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ส่งผลกระทบต่อสุขภาพหลอดเลือดหัวใจได้ ปรากฎการณ์ที่ดูตื่นเต้นเร้าใจของเขานี้ อธิบายได้ง่ายๆด้วยกราฟจากงานวิจัยสำคัญเพียงฉบับเดียว ที่พี่เห็นว่ามันจะช่วยทำให้น้องๆรู้เท่าทัน Click bait แบบ N = 1 Bro Science นี้ได้ดีขึ้นในอนาคตค่ะ นอกจากนั้น เราจะมาดูงานวิจัยระดับ Systematic review and meta-analysis รวมถึงคำแนะนำจาก Dietary Guidance ปี 2021 จาก American Heart Association และจาก European Society of Cardioligy ว่า dietary cholesterol สัมพันธ์กับระดับ cholesterol ในเลือดอย่างไร และแนะนำให้บริโภคคอเลสเตอรอลต่อวันเท่าไหร่ เชิญรับชมได้เลยค่ะ…
 
ไลฟ์ #85: ข้อบกพร่อง Lipid Energy Model & Lean Mass Hyper Responder ของ Dave Feldman จาก paper The Lipid Energy Model: Reimagining Lipoprotein Function in the Context of Carbohydrate-Restricted Diets ในปี 2565 Dave Feldman และคณะ ให้คำจำกัดความว่า Lean Mass Hyper Responder phenotype คือคนที่ lean BMI ต่ำ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เมื่อรับประทานไดเอ็ทที่คาร์บต่ำยิ่งยวด ไขมันสูง แล้วเกิดปรากฎการณ์ที่ระดับ LDL-C สูงเกิน 300 มก/ดล ไตรกลีเซอไรด์ต่ำ (47 มก/ดล) และ HDL-C สูง (99 มก/ดล) key point ที่สำคัญของ Lipid Energy Model (LEM) กับ Lean Mass Hyper Responder (LMHR) ที่ Dave ตั้งสมมุติฐานคือ 1. ในคนที่มี LMHR phenotype นั้น LDL-C ที่สูงกระฉูด เป็น Physiological adaptive response ของการกินคาร์บต่ำอย่างยิ่งยวด และ ไขมันสูงลิ่ว ที่เกิดจากกลไกสำคัญ 2 ประการคือ 1.1 ตับสร้าง VLDL สูงมาก เพื่อขนส่ง Triglyceride และ มีการทำงานของเอ็นไซม์ Lipoprotein Lipase สูง จึงนำไปสู่การมีระดับไตรกลีเซอไรด์ต่ำ และนำไปสู่การมีระดับ LDL-C สูงลิ่วตามมา 1.2 มีการทำงานของ Cholesteryl Ester Transfer Protein (CETP) ต่ำ นำไปสู่การมีระดับ HDL-C สูง Dave เชื่อว่าการกินไขมันอิ่มตัวสูง มีอิทธิพลน้อยกว่า BMI ในการทำให้เกิดปรากฎการณ์ LDL-C สูงลิ่ว และ LEM เป็น Physiological adaptation ใน LMHR phenotype 2. Dave เชื่อว่า สิ่งที่เกิดขึ้นใน LMHR เป็น Physiological adaptation ไม่ใช่ Pathological state ดังนั้นคนกลุ่มนี้ทนทานต่อการเกิด plaque ในหลอดเลือด มากกว่าคนที่มี Metabolic Syndrome จากการที่มี TG/HDL น้อยกว่า 2 บัดนี้โคนันยอดนักสืบหญิงพร้อมแล้วที่จะอธิบายข้อบกพร่องของ Lipid Energy Model & Lean Mass Hyper Responder ของพี่ Dave Feldman ตามสมมุติฐาน 2 ข้อของเขา พบกันวันเสาร์ 26 ต.ค. เวลา 19.00 น.ค่ะ #หาคำตอบสุขภาพจากงานวิจัยไม่ใช่จากเรื่องเล่า #FatOutHealthspans…
 
Dr.Gil Carvalho เจ้าของช่อง Nutrition Made Simple ซึ่งเป็นช่องยูทูปสุขภาพที่พี่ปุ๋มแนะนำน้องๆให้ติดตามเป็นอย่างยิ่ง เพราะข้อมูลสุขภาพที่นำมาเผยแพร่นั้นเป็น evidence based data ที่มีคุณภาพและค่อนข้างเป็นเอกฉันท์จากหน่วยงานสาธารณสุขทั่วโลก เขาได้รับคำถามจากสมาชิกช่อง ขอให้สร้างความกระจ่างกับวิดีโอจากช่องยูทูปของ Dr.Ken Berry ว่ามีหลักฐานทางงานวิจัยสนับสนุนว่าโอ๊ตเป็นอันตรายต่อสุขภาพจริงหรือ วิดีโอดังกล่าวชื่อ 1. What will happen if you eat Oatmeal Everyday? (Shock Answer) มีคนเข้าชม 2.2 ล้านวิว เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.2563 (ลองนึกถึงความเสียหายของ misinformation ที่ถูกเผยแพร่ออกไป) 2. Worst breakfast in the world (Avoid this!) มีคนเข้าชม 954,755 วิว เมื่อวันที่ 9 พ.ย. 2561 แทนที่ Dr.Gil จะทำวิดีโอ “debunk” หักล้างข้อมูลเรื่องอันตรายของข้าวโอ๊ตที่ Dr.Ken Berry นำเสนอเหมือนอย่างที่ช่อง YouTube อื่นทำกัน Dr.Gil กลับเชิญ Dr.Ken Berry ให้มาพูดคุยทางช่อง YT Nutrition Made Simple แล้วให้ผู้ชมเป็นผู้ตัดสินเอง (fair enough ค่ะ) วิดีโอออกเผยแพร่เมื่อวันจันทร์ที่ 7 ต.ค.2567 หัวข้อดีเบท 1. Are oats a superfood? 2. Are oat ancestral? 3. Oat, glucose “spikes”& diabetes 4. Glycated Hemoglobin (HbA1C) 5. Oats & blood pressure 6. Summary & takeaways Dr. Gil ใช้งานวิจัยหักล้าง “เรื่องเล่า” ของ Dr.Ken Berry ดังนี้ Paleoanthropology &oats https://www.pnas.org/doi/abs/10.1073/pnas.1505213112 https://science.sciencemag.org/content/326/5960/1680.full Oats & exercise & glucose https://diabetesjournals.org/.../Intense-Exercise-Has... Oats & glycation (HbA1C) https://pubs.rsc.org/.../articl.../2016/fo/c5fo01364j/unauth https://link.springer.com/article/10.1007/s00394-021-02763-1 https://drc.bmj.com/content/10/5/e002784 https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC4446761 Oats & Blood pressure http://www.sciencedirect.com/.../abs/pii/S2212267222011960 https://www.sciencedirect.com/.../pii/S0167527304001391 https://www.mdpi.com/2072-6643/9/2/89 #หาคำตอบสุขภาพจากงานวิจัยไม่ใช่จากเรื่องเล่า #FatOutHealthspans…
 
ตอกย้ำกันอีกครั้งว่าการปล่อยให้ LDL-C มีระดับสูง x เวลาที่ปล่อยให้ LDL-C มีระดับสูง คือต้นเหตุของโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน พี่ปุ๋มตื่นเต้นมาก ที่ได้เห็นบทความของเทพทางด้านหทัยวิทยาทั้ง 3 คน คือ Prof.Brian A. Ference, Prof.Eugene Braunwald (หนึ่งในบิดาของหทัยวิทยา ผู้ซึ่งคือ Editor textbook Braunwald's Heart Disease: A Textbook of Cardiovascular Medicine) และ Prof.Alberio Catapano ได้ร่วมกัน review สมมุติฐานสำคัญชื่อ “The LDL cumulative exposure hypothesis: evidence and practical applications” เป็นบทความสำคัญที่พวกเราควรต้องรู้ ถ้าต้องการห่างไกลจากโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน ตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์ Nature เมื่อวันที่ 5 ก.ค.2567 ขอขอบพระคุณคุณหมอ Panjapon Joe Spade อีกครั้งค่ะ ที่ได้กรุณาส่ง paper ฉบับเต็มมาให้พี่ปุ๋ม ทำให้พี่สามารถทำไลฟ์#82 ได้อย่างที่ตั้งใจไว้ค่ะ อ่านได้ก็ตาม แต่พี่ปุ๋มก็ได้สรุปประเด็นสำคัญหกประการจากบทความนี้มาให้น้องๆอ่านกันค่ะ นอกเหนือจาก Key points สำคัญ 6 ประการจากบทความฉบับนี้ที่พี่ปุ๋มทำสรุปให้ในโพสต์เมื่อ 4 วันที่ผ่านมาแล้ว (ใครยังไม่ได้อ่าน กลับไปอ่านได้ค่ะ) พี่ปุ๋มจะนำรายละเอียดสำคัญอื่นๆ จาก paper ฉบับเต็มที่พวกเราควรจะต้องรู้ว่าด้วยเรื่อง ทำไมเราจึงไม่ควรปล่อยให้ระดับ LDL-C สูงอยู่ในกระแสเลือดเป็นระยะเวลานานโดยไม่จัดการ พี่ปุ๋มหวังว่าบทความสำคัญจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคหัวใจ/นักวิจัยตัวจริงเสียงจริงทั้ง 3 ท่านนี้ จะติดอาวุธความรู้ไม่ให้เราหลงเชื่อข้อมูลผิดๆจาก health guru ทางโซเชียลมีเดียว่า การปล่อยให้ระดับ LDL-C สูงเป็นเวลานานไม่มีอันตรายต่อหลอดเลือดหัวใจ😭…
 
ไลฟ์# 83: สรุปงานวิจัยมากกว่า 40 ฉบับว่า Time Restricted Eating มีผลต่อการลดน้ำหนัก มวลไขมัน visceral fat และ ไขมันพอกตับอย่างไร เมื่อเทียบกับการจำกัดแคลอรี่ ในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา พวกเราได้ยิน ได้อ่านบทความสุขภาพเกี่ยวกับประโยชน์ของการกินแบบจำกัดช่วงเวลา (Time Restricted Eating-TRE) หรืออีกชื่อหนึ่งที่เราคุ้นเคยกันมากกว่าว่า การหยุดกินเป็นช่วงเวลา (Intermittent Fasting-IF) ว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพ ได้แก่ การลดน้ำหนัก ลดมวลไขมัน ลด visceral fat ลดไขมันพอกตับ และปรับปรุง Cardiometabolic biomarkers มีหนังสือเกี่ยวกับ TRE ออกวางตลาดจำนวนมากให้พวกเราได้อ่านกัน คนทั่วโลกนำ TRE เข้ามาใช้ในชีวิตประจำวันแล้วได้ผลดีต่อสุขภาพ มีงานวิจัยเกี่ยวกับ TRE จำนวนมาก มีทั้งงานวิจัยที่มีคุณภาพและไม่มีคุณภาพตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์ หัวข้อที่ถกเถียงกันมาตลอดคือ “TRE ได้ผลดีต่อสุขภาพ ด้วยการมีกลไกที่มากไปกว่าการจำกัดแคลอรี่หรือไม่“ พี่ปุ๋มเคยทำไลฟ์และเขียนโพสต์ตลอด 6 ปี ที่เกี่ยวกับ TRE จนเมื่อ 2 วันก่อนพี่ได้ข้อมูลดีมาก เป็นการสรุปงานวิจัยแบบ RCT มากกว่า 40 ฉบับ เพื่อตอบคำถามสำคัญ 5 ข้อ ที่สมควรนำมาทำไลฟ์ TRE กระตุ้นให้เกิดการลดน้ำหนักหรือไม่ TRE ลดมวลไขมันหรือลดมวลกล้ามเนื้อ TRE ลด visceral fat และไขมันพอกตับได้หรือไม่ รูปแบบ TRE แบบไหนลดน้ำหนักได้ดีที่สุด TRE ส่งผลต่อสุขภาพในข้อ 1-4 โดยมีกลไกพิเศษ ไม่ขึ้นกับการจำกัดแคลอรี่หรือไม่ พบกันในไลฟ์#83 วันอาทิตย์นี้ เวลาดี 20.00 น. #หาคำตอบสุขภาพจากงานวิจัยไม่ใช่จากเรื่องเล่า #FatOutHealthspans…
 
หนึ่งในงานวิจัยที่สำคัญและมีอิทธิพลใน Nutrition Science ก็คืองานวิจัยของ Ancel Keys และคณะ The Seven Countries Study (SCS) ซึ่งเป็น observational cohort study เริ่มต้นในปีค.ศ.1957 เพื่อสำรวจความสัมพันธ์ระหว่างไลฟ์สไตล์ biomarkers และโรคหัวใจ SCS เป็นโครงการระดับอภิมหาโปรเจคซึ่งต้องการความร่วมมือระหว่างนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก การเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลกินเวลาหลายสิบปี SCS จุดประกายให้มีการทำงานวิจัยเชิงสังเกตุการที่สำคัญออกมาหลายโครงการ ที่สำคัญมากคือ The Framingham Heart Study ในที่สุด SCS ก็ได้ข้อสรุปว่า มีความเชื่อมโยงระหว่างการบริโภคไขมันอิ่มตัวและโรคหัวใจ Ancel Keys กับ SCS ถูกวิพากษ์วิจารณ์หลังจากการเสียชีวิตของเขาในปีค.ศ. 2004 และมักจะเป็นการใช้เรื่องเล่าโดย Health Influencers ทางโซเชียลมีเดีย กล่าวหา Ancel Keys และ SCS ว่าผิดพลาดอย่างมโหฬาร ทำให้เป็นต้นกำเนิดของอาหารไขมันต่ำ มีอิทธิพลต่อการจัดทำ Nutrition Guidelines รวมถึงนโยบายโภชนาการของประเทศ ซึ่งไม่เป็นความจริงเลย ข้อกล่าวหา Ancel Keys กับ SCS มีอยู่ 4 ประเด็น ซึ่งพี่ปุ๋มจะนำข้อมูลจากแหล่งข้อมูลที่ดีมากหลายแหล่ง เพื่อคืนความเป็นธรรมให้กับ Ancel Keys กับ SCS ค่ะ 1. ประเทศที่ถูกเลือกและคัดออกจาก SCS ทำโดยพื้นฐานของอคติที่ Keys อยากให้ผลลัพธ์ออกมาตามที่ตัวเองต้องการ 2. ข้อมูลประเทศฝรั่งเศสถูกเอาออกไปจาก SCS โดยเจตนา 3. ข้อมูลโภชนาการของประเทศกรีซได้รับมาในช่วงเวลาถือศีลอดทำให้ข้อมูลของ SCS เกิดการบิดเบือน 4. น้ำตาลไม่ถูกนำมาพิจารณาใน SCS ว่าเป็นตัวการที่เป็นไปไปได้ในการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ มาคืนความเป็นธรรมให้ Ancel Keys กัน วันพฤหัสที่ 11 ก.ค. เวลา 20.00 น.ค่ะ 😊 #หาคำตอบสุขภาพจากงานวิจัยไม่ใช่จากเรื่องเล่า #FatOutHealthspans…
 
ในท่ามกลางกระแสการใช้เรื่องเล่าและหลักฐานงานวิจัยที่ไม่มีคุณภาพ เพื่อทำให้สารอาหารตัวใดตัวหนึ่งเป็นผู้ร้ายนั้น มีมานานตลอด 70 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ไขมัน คาร์โบไฮเดรต โปรตีน โดยเฉพาะเมื่อมีการใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียกันอย่างกว้างขวาง ทำให้การแพร่กระจายข้อมูลผิดๆเป็นไปได้ง่ายและรวดเร็ว หนึ่งในเรื่อง Top Hit ที่มีการแพร่กระจายข้อมูลกันอย่างผิดๆทางโซเชียลมีเดีย คือเรื่องอันตรายของน้ำมันพืช (กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนโดยเฉพาะ Linoleic Acid) ถึงแม้ว่าหน่วยงานสาธารณสุข ไม่ว่าจะเป็น American Heart Association, European Society of Cardiology, WHO, National Lipid Association จะออกคำแนะนำสนับสนุนการบริโภคน้ำมันพืชที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนโดยเฉพาะ Linoleic Acid เป็นส่วนประกอบ ก็ยังไม่สามารถทำลายมายาคติของความเชื่อที่ผิดๆนี้ได้ ในไลฟ์#80 ซึ่งเป็นตอนจบ พี่ปุ๋มจะพาน้องๆไปทำความเข้าใจถึงที่มาของการเผยแพร่ข้อมูลที่ผิดๆนี้และลงรายละเอียดถึงหลักฐานที่ไม่หนักแน่นซึ่งนำมาสนับสนุนว่าน้ำมันพืชอันตรายอันตรายต่อสุขภาพ อย่างเช่น Sydney Diet Heart Study, Minnesota Coronary Experiment, เปรียบเทียบกับหลักฐานงานวิจัยที่มีคุณภาพ ซึ่งสนับสนุนการบริโภคน้ำมันพืชพืชซึ่งมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนเป็นส่วนประกอบเพื่อสุขภาพโดยเฉพาะสุขภาพหัวใจ…
 
ในท่ามกลางกระแสการใช้เรื่องเล่าและหลักฐานงานวิจัยที่ไม่มีคุณภาพ เพื่อทำให้สารอาหารตัวใดตัวหนึ่งเป็นผู้ร้ายนั้น มีมานานตลอด 70 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ไขมัน คาร์โบไฮเดรต โปรตีน โดยเฉพาะเมื่อมีการใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียกันอย่างกว้างขวาง ทำให้การแพร่กระจายข้อมูลผิดๆเป็นไปได้ง่ายและรวดเร็ว หนึ่งในเรื่อง Top Hit ที่มีการแพร่กระจายข้อมูลกันอย่างผิดๆทางโซเชียลมีเดีย คือเรื่องอันตรายของน้ำมันพืช (กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนโดยเฉพาะ Linoleic Acid) ถึงแม้ว่าหน่วยงานสาธารณสุข ไม่ว่าจะเป็น American Heart Association, European Society of Cardiology, WHO, National Lipid Association จะออกคำแนะนำสนับสนุนการบริโภคน้ำมันพืชที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนโดยเฉพาะ Linoleic Acid เป็นส่วนประกอบ ก็ยังไม่สามารถทำลายมายาคติของความเชื่อที่ผิดๆนี้ได้ ในไลฟ์#79 พี่ปุ๋มจะพาน้องๆไปทำความเข้าใจถึงที่มาของการเผยแพร่ข้อมูลที่ผิดๆนี้และลงรายละเอียดถึงหลักฐานที่ไม่หนักแน่นซึ่งนำมาสนับสนุนว่าน้ำมันพืชอันตรายอันตรายต่อสุขภาพ อย่างเช่น Sydney Diet Heart Study, Minnesota Coronary Experiment, เปรียบเทียบกับหลักฐานงานวิจัยที่มีคุณภาพ ซึ่งสนับสนุนการบริโภคน้ำมันพืชพืชซึ่งมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนเป็นส่วนประกอบเพื่อสุขภาพโดยเฉพาะสุขภาพหัวใจ พบกันในไลฟ์#79 (ตอนที่ 1) วันจันทร์ที่ 1 ก.ค. เวลา 20.00 น. ค่ะ ❤️ #หาคำตอบสุขภาพจากงานวิจัยไม่ใช่จากเรื่องเล่า #FatOutHealthspans…
 
พบกับไลฟ์#78: คุณภาพของไขมันในอาหารส่งผลกระทบต่อการเป็นต้นเหตุของการความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตันหรือไม่ วันพฤหัสบดี 20 มิ.ย. เวลา 20.00 น. ในท่ามกลางข้อมูลขัดแย้งที่ปรากฏอยู่ในโซเชียลมีเดียต่อคำถามที่ว่า คุณภาพของไขมันในอาหารส่งผลกระทบต่อการเป็นต้นเหตุของการเพิ่มความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจหรือไม่ ถือเป็นหัวข้อที่มีงานวิจัยและมีการดีเบตกันอย่างกว้างขวางหัวข้อหนึ่งเลยทีเดียว การมีภาวะหลอดเลือดหัวใจอุดตัน (Atherosclerosis) ซึ่งหมายถึงการมีตะกรัน (plaque) ในหลอดเลือดนั้น ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาโรคหลอดเลือดหัวใจ ได้แก่ภาวะหัวใจวาย และ stroke หลักปฏิบัติเดิมมุ่งเน้นที่การลดการบริโภคปริมาณไขมันในอาหารโดยรวม แต่งานวิจัยใหม่ใหม่ได้เปลี่ยนโฟกัสจากปริมาณไขมัน ไปเป็นโฟกัสที่คุณภาพของไขมันที่มีอยู่ในอาหารแทน ในไลฟ์ #78 พี่ปุ๋มได้นำ paper สำคัญชื่อ “Dietary fat quality, plasma atherogenic lipoproteins, and atherosclerotic cardiovascular disease: An overview of the rationale for dietary recommendations for fat intake โดย Dr.Jacob J. Christensen และคณะ ตีพิมพ์ในวารสาร Atherosclerosis 389 (2024) 117433 เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 2566 paper ดีงามมาก Dr.Jacob จะพาเราไปทำความเข้าใจงานวิจัยสำคัญๆใน area นี้ และข้อสรุปที่ว่า เราสามารถพูดได้หรือไม่ว่าคุณภาพของไขมันที่รับประทาน ส่งผลกระทบต่อการเป็นต้นเหตุของการเพิ่มความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน นอกจากนั้น Dr.Jacob จะชี้ให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่าง Low-density lipoprotein (LDl) particles และ โรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน ความเชื่อมโยงระหว่างคุณภาพไขมันในอาหารกับ LDL-particles พี่ว่างานวิจัยฉบับนี้ที่สุดละในการตอบข้อสงสัยทุกประการที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพของไขมันที่รับประทาน ต่อการเพิ่มความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน พบกันวันพฤหัสนี้ เวลา 20.00 น.ค่ะ หมายเหตุ: สรุปหนังสือ Why We Die: The Science of Aging and The Quest for Immortality ยังคงมีอยู่นะคะ พี่จะอัดเป็น vdo แทนการไลฟ์สด เพราะพี่จะได้มีเวลาอ่าน ไม่มีแรงกดดันว่าต้องทำเป็นไลฟ์ #หาคำตอบสุขภาพจากงานวิจัยไม่ใช่จากเรื่องเล่า#FatOutHealthspans…
 
ไลฟ์ #77: สรุปหนังสือ Why We Die: The Science of Aging and The Quest For Immortality ผู้เขียน Prof. Venki Ramakrishnan ได้รับรางวัลโนเบลในสาขาเคมี ในปี พ.ศ.2552 ร่วมกับ Thomas A Steitz และ Ada E. Yonath สำหรับการศึกษาโครงสร้างและหน้าที่ของไรโบโซม ซึ่งทำหน้าที่ในการอ่านข้อมูลทางพันธุกรรมเพื่อสร้างโปรตีนที่ถูกระบุ ไรโบโซมมีความซับซ้อนเชิงระดับโมเลกุลเพราะมีราวห้าแสนอะตอมที่ประกอบเป็นไรโบโซม ไลฟ์#76 ซึ่งตอนที่ 1 ของหนังสือเล่มนี้ เราสำรวจว่าวิวัฒนาการช่วยให้เข้าใจว่าทำไมความตายจึงเกิดขึ้น และวิวัฒนาการก็มีเป้าหมายที่จะ optimize fitness มากที่สุด จึงนำมาซึ่งความหลากหลายของอายุขัยในสิ่งมีชีวิตต่างสปีชีส์ นอกจากนั้นเรายังสำรวจด้วยว่าอายุขัยของสิ่งมีชีวิตโดยเฉพาะมนุษย์มันมีข้อจำกัดหรือไม่ แต่ก็ยังไม่ได้คำตอบว่าความแก่ชราเกิดขึ้นและนำไปสู่การตายได้อย่างไร ในตอนที่ 2 ของไลฟ์#77 เราจะมาสำรวจกันต่อใน บทที่ 3: Destroying the master control บทที่ 4: The problem with end บทที่ 5: Resetting the biological clock พบกันในไลฟ์#77 นะคะ ❤️ #หาคำตอบสุขภาพจากงานวิจัยไม่ใช่จากเรื่องเล่า#FatOutHealthspans…
 
Prof. Venki Ramakrishnan ได้รับรางวัลโนเบลในสาขาเคมี ในปี พ.ศ.2552 ร่วมกับ Thomas A Steitz และ Ada E. Yonath สำหรับการศึกษาโครงสร้างและหน้าที่ของไรโบโซม ซึ่งทำหน้าที่ในการอ่านข้อมูลทางพันธุกรรมเพื่อสร้างโปรตีนที่ถูกระบุ ไรโบโซมมีความซับซ้อนเชิงระดับโมเลกุลเพราะมีราวห้าแสนอะตอมที่ประกอบเป็นไรโบโซม Prof.Venki ดำรงตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มวิจัยชีววิทยาโมเลกุลของสภาการวิจัยทางการแพทย์ในวิทยาเขตการแพทย์เคมบริดจ์ตั้งแต่ พ.ศ.2538 และเป็นสมาชิกของวิทยาลัยทรินิตี มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ และเคยดำรงตำแหน่งนายกราชสมาคม (Royal Society) ตั้งแต่ พ.ศ.2558 จนถึง พ.ศ.2563 พี่ปุ๋มสะสมหนังสือที่เกี่ยวข้องกับความชราไว้จำนวนมาก และก็ว่างเว้นจากการทำไลฟ์สรุปหนังสือดีมานานพอสมควร ที่ให้ความสนใจหนังสือเล่มนี้เพราะ 1. Venki Ramakrishnan ได้รับรางวัลโนเบลสาขาเคมี และระบุปัญหาสำคัญในระดับชีวโมเลกุลว่า ข้อมูลทางพันธุกรรมถูกอ่านเพื่อจะสร้างโปรตีนที่เฉพาะเจาะจง ตามคำสั่งได้อย่างไร 2. Venki มีความเชื่อพร้อมหลักฐานว่า Ribosome คือ organelle ภายในเซลล์ที่เป็นศูนย์กลางของ Molecular biology ที่เกี่ยวข้องกับความชรา ซึ่งแตกต่างจากนักวิทยาศาสตร์ความชราท่านอื่นที่ให้ความสำคัญกับ DNA หนังสือมีทั้งหมด 12 บท ก็จะทำไลฟ์แบ่งเป็นหลายตอนเลยค่ะ…
 
ไลฟ์ #75: The Cholesterol Wars หนังสือ และงานวิจัยของ Prof. Daniel Steinberg MD, PhD จำนวน 5 ฉบับ (ตอนจบ) หลังจากที่พฤติกรรมของคนทั่วโลกเปลี่ยนเป็นเสพข้อมูลเกือบทุกประเภทผ่านทางโซเชียลมีเดีย การให้ข้อมูลที่ผิดจากการไม่รู้จริง (Misinformation) และ การจงใจบิดเบือนข้อมูล (Disinformation) กลายเป็นอันตรายอันดับที่ 2 ใน 2 ปีข้างหน้า จากรายงานของ World Economic Forum พี่ปุ๋มเคยเขียนโพสต์สรุปรายงานของ WEF ไปแล้วค่ะ อันตรายของการมีระดับ cholesterol และ ldl-cholesterol สูงเกินกว่าระดับทางสรีรวิทยา เป็นหัวข้อที่ดีเบตกันทางโซเชียลมีเดียในเรื่องสุขภาพมากที่สุดเรื่องหนึ่ง มีการให้ข้อมูลที่ผิดพลาดจากการไม่รู้จริงและหรือการจงใจบิดเบือนข้อมูลในโลกโซเชียลมีเดีย ซึ่งก่อให้เกิดความสับสนและทำให้คนบางคนที่มีระดับ ldl-cholesterol สูงลิ่ว ตัดสินใจปฏิเสธการได้รับยาลดไขมันในเลือด ถ้าจะว่าไปการดีเบตนี้ไม่ใช่เพิ่งมี แต่เกิดขึ้นนับย้อนกลับไปได้มากกว่า 50 ปี ในไลฟ์#74 นี้ พี่ปุ๋มจะพาน้องๆไปทำความรู้จัก Prof.Daniel Steinberg MD, PhD นักชีวเคมีและแพทย์ที่ได้รับการเทรนจาก Harvard Medical School ที่เข้าไปเริ่มต้นงานวิจัยที่ National Heart Institute ตั้งแต่เพิ่งเริ่มก่อตั้งในช่วงปี ค.ศ. 1950 เขาบุกเบิกงานวิจัยเรื่อง lipoproteins กับความเกี่ยวพันโรคหัวใจมาตลอดระยะเวลาการทำงาน 64 ปี แรงบันดาลใจมาจากงานวิจัยของ Prof.John Gofman MD, PhD Godfather ของ Clinical Lipidology ซึ่งค้นพบ plasma lipoproteins 3 ประเภท (VLDL, LDL, HDL) ในทศวรรษที่ 1950 ผลงานวิจัยที่ถือว่าเป็นคุณูปการยิ่งใหญ่ต่อวงการ Clinical Lipidology คือการที่ Prof.Daniel และทีมนักวิจัย ค้นพบกระบวนการที่ LDL-particle เมื่อแทรกเข้าไปใต้ชั้นหลอดเลือดและติดกับ proteoglycan แล้ว จะต้องมีขั้นตอนการเกิด LDL-particle modification ซึ่งเกี่ยวข้องกับ lipid peroxidation ก่อนที่ scavenger receptor บน macrophage จะสามารถดูดคอเลสเตอรอลเข้าไปได้ เป็นที่มาของ The LDL Oxidation Hypothesis สำหรับการเกิด atherosclerosis ในปี 1984 ตลอดอายุขัยของเขา (เสียชีวิตเมื่อปี 2015 อายุ 93 ปี) ทำงานวิจัยตีพิมพ์มากกว่า 400 ฉบับ งานวิจัย 5 ฉบับที่พี่ปุ๋มจะนำมาทะยอยสรุปให้น้องๆได้ฟัง ถือได้ว่าคือ Cholesterol Masterclass ชั้นยอดเลยค่ะ จะทำให้เราสิ้นสงสัยกับข้อมูลผิดๆเกี่ยวกับ cholesterol ที่แพร่กระจายกันอยู่ทางโซเชียลมีเดีย หนังสือ The Cholesterol Wars ที่เขาเขียนในปี 2007 นั้น รวบรวมดีเบตเกี่ยวกับความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ cholesterol กับความเกี่ยวพันโรคหลอดเลือดหัวใจ พร้อมทั้งหลักฐานงานวิจัยที่สนับสนุน Low-density lipoproteins cause atherosclerosis ค่ะ #หาคำตอบสุขภาพจากงานวิจัยไม่ใช่จากเรื่องเล่า#FatoutHealthspans…
 
ไลฟ์ #74: The Cholesterol Wars สรุปหนังสือ และงานวิจัยของ Prof.Daniel Steinberg MD, PhD จำนวน 5 ฉบับ (ตอนที่ 1) หลังจากที่พฤติกรรมของคนทั่วโลกเปลี่ยนเป็นเสพข้อมูลเกือบทุกประเภทผ่านทางโซเชียลมีเดีย การให้ข้อมูลที่ผิดจากการไม่รู้จริง (Misinformation) และ การจงใจบิดเบือนข้อมูล (Disinformation) กลายเป็นอันตรายอันดับที่ 2 ใน 2 ปีข้างหน้า จากรายงานของ World Economic Forum พี่ปุ๋มเคยเขียนโพสต์สรุปรายงานของ WEF ไปแล้วค่ะ อันตรายของการมีระดับ cholesterol และ ldl-cholesterol สูงเกินกว่าระดับทางสรีรวิทยา เป็นหัวข้อที่ดีเบตกันทางโซเชียลมีเดียในเรื่องสุขภาพมากที่สุดเรื่องหนึ่ง มีการให้ข้อมูลที่ผิดพลาดจากการไม่รู้จริงและหรือการจงใจบิดเบือนข้อมูลในโลกโซเชียลมีเดีย ซึ่งก่อให้เกิดความสับสนและทำให้คนบางคนที่มีระดับ ldl-cholesterol สูงลิ่ว ตัดสินใจปฏิเสธการได้รับยาลดไขมันในเลือด ถ้าจะว่าไปการดีเบตนี้ไม่ใช่เพิ่งมี แต่เกิดขึ้นนับย้อนกลับไปได้มากกว่า 50 ปี ในไลฟ์#74 นี้ พี่ปุ๋มจะพาน้องๆไปทำความรู้จัก Prof.Daniel Steinberg MD, PhD นักชีวเคมีและแพทย์ที่ได้รับการเทรนจาก Harvard Medical School ที่เข้าไปเริ่มต้นงานวิจัยที่ National Heart Institute ตั้งแต่เพิ่งเริ่มก่อตั้งในช่วงปี ค.ศ. 1950 เขาบุกเบิกงานวิจัยเรื่อง lipoproteins กับความเกี่ยวพันโรคหัวใจมาตลอดระยะเวลาการทำงาน 64 ปี แรงบันดาลใจมาจากงานวิจัยของ Prof.John Gofman MD, PhD Godfather ของ Clinical Lipidology ซึ่งค้นพบ plasma lipoproteins 3 ประเภท (VLDL, LDL, HDL) ในทศวรรษที่ 1950 ผลงานวิจัยที่ถือว่าเป็นคุณูปการยิ่งใหญ่ต่อวงการ Clinical Lipidology คือการที่ Prof.Daniel และทีมนักวิจัย ค้นพบกระบวนการที่ LDL-particle เมื่อแทรกเข้าไปใต้ชั้นหลอดเลือดและติดกับ proteoglycan แล้ว จะต้องมีขั้นตอนการเกิด LDL-particle modification ซึ่งเกี่ยวข้องกับ lipid peroxidation ก่อนที่ scavenger receptor บน macrophage จะสามารถดูดคอเลสเตอรอลเข้าไปได้ เป็นที่มาของ The LDL Oxidation Hypothesis ในปี 1984 ตลอดอายุขัยของเขา (เสียชีวิตเมื่อปี 2015 อายุ 93 ปี) ทำงานวิจัยตีพิมพ์มากกว่า 400 ฉบับ งานวิจัย 5 ฉบับที่พี่ปุ๋มจะนำมาทะยอยสรุปให้น้องๆได้ฟัง จะทำให้เราสิ้นสงสัยกับข้อมูลผิดๆเกี่ยวกับ cholesterol ที่แพร่กระจายกันอยู่ทางโซเชียลมีเดีย หนังสือ The Cholesterol Wars ที่เขาเขียนในปี 2007 เพื่อที่จะรวบรวมดีเบตเกี่ยวกับความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ cholesterol กับความเกี่ยวพันโรคหลอดเลือดหัวใจ References 1. An interpretive history of the cholesterol controversy: part I https://www.jlr.org/article/S0022-2275(20)31274-8/pdf 2. Daniel Steinberg, 1922–2015 https://www.pnas.org/doi/pdf/10.1073/pnas.1512413112?download=true 3. Lipid-Modifying Agents,From Statins to PCSK9 Inhibitors Lipid-Modifying Agents, From Statins to PCSK9 Inhibitors: JACC Focus Seminar - ScienceDirect 4. Low-density lipoproteins cause atherosclerotic cardiovascular disease: pathophysiological, genetic, and therapeutic insights: a consensus statement from the European Atherosclerosis Society Consensus Panel Low-density lipoproteins cause atherosclerotic cardiovascular disease: pathophysiological, genetic, and therapeutic insights: a consensus statement from the European Atherosclerosis Society Consensus Panel | European Heart Journal | Oxford Academic 5. Cholesterol Denialism is Pseudoscience Cholesterol Denialism is Pseudoscience #หาคำตอบสุขภาพจากงานวิจัยไม่ใช่จากเรื่องเล่า #FatOutHealthspans #Fatoutkeyhealthspans…
 
ไลฟ์#73: 20 คำถามเกี่ยวกับ Atherosclerosis วันอาทิตย์ 14 เม.ย.2567 เวลา 20.00 น. เมื่อสองสามวันที่แล้วใน Twitter ก็มีการวิวาทะระหว่างกลุ่มที่เชื่อว่าโดยวิวัฒนาการแล้ว อาหารที่มีเนื้อสัตว์ ไขมันเป็นหลัก (Carnivore diet) เป็นอาหารที่เหมาะสมที่สุดสำหรับมนุษย์ และ คอเลสเตอรอลไม่ได้ทำให้เกิด Atherosclerosis ไม่เช่นนั้น สิงโต หรือสัตว์ที่เป็น carnivore ก็ต้องเกิด atherosclerosis ไปแล้ว กับกลุ่มที่เชื่อว่า อาหารที่มีพืชเป็นหลักคืออาหารที่เหมาะสมที่สุดสำหรับมนุษย์ (Plant based diet) ในไลฟ์#73 นี้ เราจะมาทำความเข้าใจ Atherosclerosis ผ่านคำถามที่ถูกถามบ่อย 20 ข้อ โดยผู้ที่จะมาตอบคำถามคือ Prof.William C. Roberts แพทย์โรคหัวใจ เป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญระดับประเทศสหรัฐอเมริกาในด้านพยาธิวิทยาของหัวใจและหลอดเลือด อีกทั้งยังเป็นอดีต editor in chief ของวารสาร American Journal of Cardiology มา 40 ปี ท่านเพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อปี พ.ศ.2566 สิริอายุได้ 91 ปี คำถามที่น่าสนใจอย่างเช่น 1. สุนัข สิงโต เสือ และแมว ซึ่งกินสัตว์อื่น ซึ่งเต็มไปด้วยไขมันอิ่มตัว คอเลสเตอรอล หลอดเลือดพัฒนา atherosclerosis ได้หรือไม่ 2. มนุษย์เป็นสัตว์กินพืช (Herbivores) หรือสัตว์กินสัตว์อื่น (Carnivores) กันแน่ แล้วทำไมหลอดเลือดมนุษย์จึงอ่อนไหวต่อการเกิด atherosclerosis 3. พันธุกรรม เป็นต้นกำเนิดของ Atherosclerosis จริงหรือไม่ 4. Atherosclerosis เป็นเรื่องของคนชรา เป็นโรคของความเสื่อมของหลอดเลือดจริงหรือไม่ น้องๆที่ไม่ได้ไปเที่ยวสงกรานต์ และสนใจอยากจะรู้คำตอบตอบคำถามทั้ง 20 ข้อที่เกี่ยวข้องกับ atherosclerosis ในไลฟ์#73 นี้ค่ะ #หาคำตอบสุขภาพจากงานวิจัยไม่ใช่จากเรื่องเล่า #FatOutHealthspans งานวืจัยอ้างอิง 1. Twenty questions on atherosclerosis https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC1312295/pdf/bumc0013-0139.pdf 2. Human species-specific loss of CMP-N-acetylneuraminic acid hydroxylase enhances atherosclerosis viaintrinsic and extrinsic mechanisms https://www.pnas.org/doi/pdf/10.1073/pnas.1902902116?download=true 3. The Cause of Atherosclerosis https://moscow.sci-hub.ru/2641/e0e2d7c2febefd271daa2239135ce95d/roberts2008.pdf?download=true…
 
Loading …

ขอต้อนรับสู่ Player FM!

Player FM กำลังหาเว็บ

 

คู่มืออ้างอิงด่วน

ฟังรายการนี้ในขณะที่คุณสำรวจ
เล่น