HR is no longer just about managing people—it’s about shaping the future of work. Jens Baier, BCG’s HR transformation expert, discusses how AI and shifting employee expectations are forcing companies to rethink talent strategies. From re-recruiting to upskilling employees, HR must adapt to a rapidly changing landscape. Learn More: Jens Baier: https://on.bcg.com/41ca7Gv BCG on People Strategy: https://on.bcg.com/3QtAjro Decoding Global Talent: https://on.bcg.com/4gUC4IT…
Player FM - Internet Radio Done Right
Checked 4h ago
เพิ่มแล้วเมื่อ threeปีที่ผ่านมา
เนื้อหาจัดทำโดย Soul Food Ministries เนื้อหาพอดแคสต์ทั้งหมด รวมถึงตอน กราฟิก และคำอธิบายพอดแคสต์ได้รับการอัปโหลดและจัดหาให้โดยตรงจาก Soul Food Ministries หรือพันธมิตรแพลตฟอร์มพอดแคสต์ของพวกเขา หากคุณเชื่อว่ามีบุคคลอื่นใช้งานที่มีลิขสิทธิ์ของคุณโดยไม่ได้รับอนุญาต คุณสามารถปฏิบัติตามขั้นตอนที่แสดงไว้ที่นี่ https://th.player.fm/legal
Player FM - แอป Podcast
ออฟไลน์ด้วยแอป Player FM !
ออฟไลน์ด้วยแอป Player FM !
))
Daily Deals
พอดคาสต์ที่ควรค่าแก่การฟัง
สปอนเซอร์
สดแต่เช้า Ep.308 เหตุผลที่เราควรอยู่เป็นโสด!
Manage episode 464419670 series 3264869
เนื้อหาจัดทำโดย Soul Food Ministries เนื้อหาพอดแคสต์ทั้งหมด รวมถึงตอน กราฟิก และคำอธิบายพอดแคสต์ได้รับการอัปโหลดและจัดหาให้โดยตรงจาก Soul Food Ministries หรือพันธมิตรแพลตฟอร์มพอดแคสต์ของพวกเขา หากคุณเชื่อว่ามีบุคคลอื่นใช้งานที่มีลิขสิทธิ์ของคุณโดยไม่ได้รับอนุญาต คุณสามารถปฏิบัติตามขั้นตอนที่แสดงไว้ที่นี่ https://th.player.fm/legal
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่4 (308)
เหตุผลที่เราควรอยู่เป็นโสด!
“สำหรับคนโสดและผู้ที่เป็นม่าย
ข้าพเจ้าขอบอกว่าเป็นการดีแล้วที่จะ
ไม่แต่งงานเหมือนกับข้าพเจ้า”
~1โครินธ์ 7:8 TNCV
“I’m telling those who are single and widows
that it’s good for them to stay single like me.”
~1 Corinthians 7:8 CEB
อาจารย์เปาโลตอบจดหมายที่ชาวโครินธ์ถามท่านเกี่ยวกับเรื่อง
1.การมีครอบครัว และ
2.การอยู่เป็นโสด
โดยท่านตอบตรงๆว่า คนโสดไม่ว่าจะ
1).โสดแบบไม่เคยแต่งงาน หรือ
2).โสดแบบเคยแต่งงานมาแล้ว
(คือ เป็นโสดอีกครั้งหนึ่งเพราะเป็นม่าย หรือด้วยสาเหตุอื่นๆ)
พวกเขาไม่จำเป็นต้องแต่งงาน แต่สมควร
ก.คงอยู่อย่างคนโสด และ
ข.ทุ่มเทชีวิตรับใช้พระเจ้า จะดีกว่า
ดังที่พระคัมภีร์ฉบับ AMP แปลข้อนี้ว่า
“ แต่ผมขอกล่าวแก่คนที่ยังไม่แต่งงานและคนที่เป็นม่าย(ตามสถานการณ์ที่เป็นจริง)ว่า เป็นการดีอยู่แล้ว ที่พวกคุณจะยังคงความเป็นโสดไว้ และอุทิศทุ่มเททั้งหมดที่คุณมีอยู่
ถวายแด่พระเจ้าเหมือนกับที่ผมเป็น!”
(But I say to the unmarried and to the widows, [that as a practical matter]
it is good if they remain [single and entirely devoted to the Lord] as I am.)
~1 Corinthians 7:8 AMP
เหตุผลที่อาจารย์เปาโลใช้สนับสนุนให้เราอยู่เป็นโสด (โดยไม่แต่งงาน) คือ กล่าวว่าถ้าเราแต่งงาน
1.เราจะไม่มีอำนาจเหนือร่างกายตัวเองอีกต่อไป
แต่คู่สมรสของเราจะมีอำนาจเหนือร่างกายของเราแทน
“ภรรยาไม่มีอำนาจเหนือร่างกายของตน แต่สามีมีอำนาจเหนือร่างกายของภรรยา
ทำนองเดียวกันสามีไม่มีอำนาจเหนือร่างกายของตน แต่ภรรยามีอำนาจเหนือร่างกายของสามี”
~1 โครินธ์ 7:4 THSV11
2.เราอาจจะหงุดหงิดจากการที่คู่สมรสของเราไม่ยอมสนองตอบในยามที่เราต้องการจากตัวเขา
“อย่าปฏิเสธความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาเว้นแต่ได้ตกลงกันเป็นการชั่วคราว เพื่ออุทิศตัวในการอธิษฐาน แล้วจึงค่อยมามีความสัมพันธ์กันอีก เพื่อไม่ให้ซาตานล่อลวงให้ทำผิดเพราะตัวอดไม่ได้”
~1 โครินธ์ 7:5 THSV11
3.เราอาจเสียส่วนดีในชีวิตไปอย่างน่าเสียดาย หากว่าเรามีของประทานในชีวิตโสด
“ข้าพเจ้าต้องการให้ทุกคนเป็นเหมือนข้าพเจ้า แต่ว่าแต่ละคนก็ได้รับของประทานของตัวเองจากพระเจ้า คนหนึ่งได้รับอย่างนี้ และอีกคนหนึ่งได้รับอย่างนั้น”
~1 โครินธ์ 7:7 THSV11
4.เราอาจจะเผชิญกับความยากลำบาก
1).ในการปรับตัวใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน
2).ในการเผชิญและรับมือกับสถานการณ์ต่างๆของชีวิต
“เรื่องบรรดาคนโสดนั้น ข้าพเจ้าไม่ได้รับพระบัญชาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า แต่ข้าพเจ้าก็ขอออกความเห็น ในฐานะที่เป็นคนไว้ใจได้ด้วยพระเมตตาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะเหตุความทุกข์ยากที่ใกล้จะมาถึง ข้าพเจ้าคิดว่าเป็นเรื่องดีที่ทุกคนจะอยู่อย่างที่เขาเป็นอยู่”
~1 โครินธ์ 7:25-26,28 THSV11
5.เราอาจต้องพะวงมากกับการทำให้คู่สมรสของเรามีความพอใจในชีวิต
“ข้าพเจ้าต้องการให้พวกท่านพ้นจากความพะวง ชายที่ไม่แต่งงานก็ห่วงใยในสิ่งที่เป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้า เพื่อจะให้เป็นที่พอพระทัยขององค์พระผู้เป็นเจ้า แต่คนที่แต่งงานก็พะวงในสิ่งที่เป็นของโลกนี้ เพื่อจะให้เป็นที่พอใจของภรรยา”
-1 โครินธ์ 7:32-33 THSV11
6.เราจะแยกหรือหย่าจากคู่สมรสของเราไม่ได้ ไม่ว่าเราจะสุขหรือทุกข์ เพราะ
1).เป็นคำสั่งจากพระเจ้า
2).เป็นคำสาบานของเราต่อกันและกัน
“ส่วนคนที่แต่งงานแล้ว ข้าพเจ้าขอสั่ง ไม่ใช่ข้าพเจ้าสั่งเอง
แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาว่า อย่าให้ภรรยาแยกจากสามี”
~1 โครินธ์ 7:10 THSV11
7.เราอาจจะแต่งงานใหม่อีกไม่ได้ ถ้าเราดึงดันจะแยกหรือหย่าจากคู่สมรสของเรา
“แต่ถ้านางแยกจากสามีแล้ว ก็อย่าให้นางแต่งงานใหม่ หรือไม่ก็ให้นางคืนดีกับสามี
และอย่าให้สามีหย่าภรรยาเลย”
~1 โครินธ์ 7:11 THSV11
สรุป
ชีวิตของเรานั้นสั้นมาก ดังนั้นไม่ว่าเราจะแต่งงานหรือจะเป็นโสด
ก็ขอให้เราอุทิศตัวของเรากระทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า
เพียงแต่อาจารย์เปาโล เห็นว่า การเป็นโสดนั้นดีกว่า
เพราะจะทำให้เราสามารถรับใช้พระเจ้าได้
1).อย่างไม่ต้องพะวักพะวง และ
2).อย่างไม่จำกัด
ท่านจึงกล่าวว่า
“เพราะฉะนั้นใครที่แต่งงานกับคู่หมั้นของตนก็ทำดีอยู่
แต่ผู้ที่ไม่แต่งงานก็ทำดีกว่า แต่ตามความเห็นของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าเห็นว่าถ้านางอยู่คนเดียวจะเป็นสุขกว่า
และข้าพเจ้าคิดว่าข้าพเจ้าเองก็มีพระวิญญาณของพระเจ้าด้วย”
~1 โครินธ์ 7:38, 40 THSV11
(ปท.1คร.7:29,35~37)
แล้วพี่น้องล่ะครับ
คุณคิดเห็นเช่นนั้นเหมือนกับท่านอาจารย์เปาโลคิดและกล่าวมา หรือไม่ครับ?
……ตอบที!
~~~~~~~~~~~~~~~
ธงชัย ประดับชนานุรัตน์
2กุมภาพันธ์2025
#YoutubeCJCONNECT #thongchaibsc#คริสตจักรแห่งความรัก #churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี#SoulFoodPodcastsSpotify
.
971 ตอน
แบ่งปันManage episode 464419670 series 3264869
เนื้อหาจัดทำโดย Soul Food Ministries เนื้อหาพอดแคสต์ทั้งหมด รวมถึงตอน กราฟิก และคำอธิบายพอดแคสต์ได้รับการอัปโหลดและจัดหาให้โดยตรงจาก Soul Food Ministries หรือพันธมิตรแพลตฟอร์มพอดแคสต์ของพวกเขา หากคุณเชื่อว่ามีบุคคลอื่นใช้งานที่มีลิขสิทธิ์ของคุณโดยไม่ได้รับอนุญาต คุณสามารถปฏิบัติตามขั้นตอนที่แสดงไว้ที่นี่ https://th.player.fm/legal
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่4 (308)
เหตุผลที่เราควรอยู่เป็นโสด!
“สำหรับคนโสดและผู้ที่เป็นม่าย
ข้าพเจ้าขอบอกว่าเป็นการดีแล้วที่จะ
ไม่แต่งงานเหมือนกับข้าพเจ้า”
~1โครินธ์ 7:8 TNCV
“I’m telling those who are single and widows
that it’s good for them to stay single like me.”
~1 Corinthians 7:8 CEB
อาจารย์เปาโลตอบจดหมายที่ชาวโครินธ์ถามท่านเกี่ยวกับเรื่อง
1.การมีครอบครัว และ
2.การอยู่เป็นโสด
โดยท่านตอบตรงๆว่า คนโสดไม่ว่าจะ
1).โสดแบบไม่เคยแต่งงาน หรือ
2).โสดแบบเคยแต่งงานมาแล้ว
(คือ เป็นโสดอีกครั้งหนึ่งเพราะเป็นม่าย หรือด้วยสาเหตุอื่นๆ)
พวกเขาไม่จำเป็นต้องแต่งงาน แต่สมควร
ก.คงอยู่อย่างคนโสด และ
ข.ทุ่มเทชีวิตรับใช้พระเจ้า จะดีกว่า
ดังที่พระคัมภีร์ฉบับ AMP แปลข้อนี้ว่า
“ แต่ผมขอกล่าวแก่คนที่ยังไม่แต่งงานและคนที่เป็นม่าย(ตามสถานการณ์ที่เป็นจริง)ว่า เป็นการดีอยู่แล้ว ที่พวกคุณจะยังคงความเป็นโสดไว้ และอุทิศทุ่มเททั้งหมดที่คุณมีอยู่
ถวายแด่พระเจ้าเหมือนกับที่ผมเป็น!”
(But I say to the unmarried and to the widows, [that as a practical matter]
it is good if they remain [single and entirely devoted to the Lord] as I am.)
~1 Corinthians 7:8 AMP
เหตุผลที่อาจารย์เปาโลใช้สนับสนุนให้เราอยู่เป็นโสด (โดยไม่แต่งงาน) คือ กล่าวว่าถ้าเราแต่งงาน
1.เราจะไม่มีอำนาจเหนือร่างกายตัวเองอีกต่อไป
แต่คู่สมรสของเราจะมีอำนาจเหนือร่างกายของเราแทน
“ภรรยาไม่มีอำนาจเหนือร่างกายของตน แต่สามีมีอำนาจเหนือร่างกายของภรรยา
ทำนองเดียวกันสามีไม่มีอำนาจเหนือร่างกายของตน แต่ภรรยามีอำนาจเหนือร่างกายของสามี”
~1 โครินธ์ 7:4 THSV11
2.เราอาจจะหงุดหงิดจากการที่คู่สมรสของเราไม่ยอมสนองตอบในยามที่เราต้องการจากตัวเขา
“อย่าปฏิเสธความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาเว้นแต่ได้ตกลงกันเป็นการชั่วคราว เพื่ออุทิศตัวในการอธิษฐาน แล้วจึงค่อยมามีความสัมพันธ์กันอีก เพื่อไม่ให้ซาตานล่อลวงให้ทำผิดเพราะตัวอดไม่ได้”
~1 โครินธ์ 7:5 THSV11
3.เราอาจเสียส่วนดีในชีวิตไปอย่างน่าเสียดาย หากว่าเรามีของประทานในชีวิตโสด
“ข้าพเจ้าต้องการให้ทุกคนเป็นเหมือนข้าพเจ้า แต่ว่าแต่ละคนก็ได้รับของประทานของตัวเองจากพระเจ้า คนหนึ่งได้รับอย่างนี้ และอีกคนหนึ่งได้รับอย่างนั้น”
~1 โครินธ์ 7:7 THSV11
4.เราอาจจะเผชิญกับความยากลำบาก
1).ในการปรับตัวใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน
2).ในการเผชิญและรับมือกับสถานการณ์ต่างๆของชีวิต
“เรื่องบรรดาคนโสดนั้น ข้าพเจ้าไม่ได้รับพระบัญชาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า แต่ข้าพเจ้าก็ขอออกความเห็น ในฐานะที่เป็นคนไว้ใจได้ด้วยพระเมตตาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะเหตุความทุกข์ยากที่ใกล้จะมาถึง ข้าพเจ้าคิดว่าเป็นเรื่องดีที่ทุกคนจะอยู่อย่างที่เขาเป็นอยู่”
~1 โครินธ์ 7:25-26,28 THSV11
5.เราอาจต้องพะวงมากกับการทำให้คู่สมรสของเรามีความพอใจในชีวิต
“ข้าพเจ้าต้องการให้พวกท่านพ้นจากความพะวง ชายที่ไม่แต่งงานก็ห่วงใยในสิ่งที่เป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้า เพื่อจะให้เป็นที่พอพระทัยขององค์พระผู้เป็นเจ้า แต่คนที่แต่งงานก็พะวงในสิ่งที่เป็นของโลกนี้ เพื่อจะให้เป็นที่พอใจของภรรยา”
-1 โครินธ์ 7:32-33 THSV11
6.เราจะแยกหรือหย่าจากคู่สมรสของเราไม่ได้ ไม่ว่าเราจะสุขหรือทุกข์ เพราะ
1).เป็นคำสั่งจากพระเจ้า
2).เป็นคำสาบานของเราต่อกันและกัน
“ส่วนคนที่แต่งงานแล้ว ข้าพเจ้าขอสั่ง ไม่ใช่ข้าพเจ้าสั่งเอง
แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาว่า อย่าให้ภรรยาแยกจากสามี”
~1 โครินธ์ 7:10 THSV11
7.เราอาจจะแต่งงานใหม่อีกไม่ได้ ถ้าเราดึงดันจะแยกหรือหย่าจากคู่สมรสของเรา
“แต่ถ้านางแยกจากสามีแล้ว ก็อย่าให้นางแต่งงานใหม่ หรือไม่ก็ให้นางคืนดีกับสามี
และอย่าให้สามีหย่าภรรยาเลย”
~1 โครินธ์ 7:11 THSV11
สรุป
ชีวิตของเรานั้นสั้นมาก ดังนั้นไม่ว่าเราจะแต่งงานหรือจะเป็นโสด
ก็ขอให้เราอุทิศตัวของเรากระทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า
เพียงแต่อาจารย์เปาโล เห็นว่า การเป็นโสดนั้นดีกว่า
เพราะจะทำให้เราสามารถรับใช้พระเจ้าได้
1).อย่างไม่ต้องพะวักพะวง และ
2).อย่างไม่จำกัด
ท่านจึงกล่าวว่า
“เพราะฉะนั้นใครที่แต่งงานกับคู่หมั้นของตนก็ทำดีอยู่
แต่ผู้ที่ไม่แต่งงานก็ทำดีกว่า แต่ตามความเห็นของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าเห็นว่าถ้านางอยู่คนเดียวจะเป็นสุขกว่า
และข้าพเจ้าคิดว่าข้าพเจ้าเองก็มีพระวิญญาณของพระเจ้าด้วย”
~1 โครินธ์ 7:38, 40 THSV11
(ปท.1คร.7:29,35~37)
แล้วพี่น้องล่ะครับ
คุณคิดเห็นเช่นนั้นเหมือนกับท่านอาจารย์เปาโลคิดและกล่าวมา หรือไม่ครับ?
……ตอบที!
~~~~~~~~~~~~~~~
ธงชัย ประดับชนานุรัตน์
2กุมภาพันธ์2025
#YoutubeCJCONNECT #thongchaibsc#คริสตจักรแห่งความรัก #churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี#SoulFoodPodcastsSpotify
.
971 ตอน
Wszystkie odcinki
×
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่4 (344) การเป็นพยาน? “แต่พวกท่านจะได้รับพระราชทานฤทธานุภาพ เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จมาเหนือท่าน และ ท่านทั้งหลายจะเป็นสักขีพยานของเราในกรุงเยรูซาเล็ม ทั่วแคว้นยูเดีย ทั่วแคว้นสะมาเรีย และจนถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก”” ~กิจการ 1:8 THSV11 “But you will receive power when the Holy Spirit comes on you; and you will be my witnesses in Jerusalem, and in all Judea and Samaria, and to the ends of the earth.” ~Acts 1:8 NIV J. C. Ryle กล่าวว่า “ ถ้าคุณรักพระเยซูคริสต์ ก็จงอย่าละอายที่จะให้คนอื่นเห็นและรู้ จงเป็นปากเสียงเพื่อพระองค์ จงเป็นพยานเพื่อพระองค์ และจงมีชีวิตมีชีวิตอยู่เพื่อพระองค์!” (If you love Christ, never be ashamed to let others see it and know it. Speak for Him. Witness for Him. Live for Him.) ถ้าพระวิญญาณบริสุทธิ์สถิตกับตัวเรา เราจะเป็นปากเสียงเพื่อพระเยซูคริสต์ เราจะเป็นพยานเรื่องพระองค์แก่คนทั้งหลายด้วยฤทธานุภาพของพระเจ้า ในทุกโอกาสและในทุกที่ โดยปกติ คำว่า “เป็นพยาน” มี2รูปแบบ 1.เป็นพยาน ~ในฐานะ ผู้เห็น, ผู้รู้เห็น หรือมีประสบการณ์โดยตรงกับเรื่องที่เป็นพยาน ที่เรียกว่า Witness 2.เป็นพยาน ~ในฐานะผู้ถูกเบิกความให้เป็นพยาน ยืนยันถึ ง เ ห ตุ ก า ร ณ์ ห รื อ ข้ อ เ ท็ จ จ ริ ง(ต่อศาล) ที่เรียกว่า Testify ในทางกฎหมาย พยานมีหลายประเภท ดังนี้ 1.พ ย า น เ อ ก ส า ร 2.พ ย า น วั ต ถุ 3.พ ย า น ผู้ เ ชี่ ย ว ช า ญ 4.พ ย า น บุ ค ค ล ซึ่ง แ บ่ ง อ อ ก เ ป็ น 2 ประเภท 1).ป ร ะ จั ก ษ์ พ ย า น ห ม า ย ถึ ง พ ย า น ที่ รู้ เ ห็ น เ ห ตุ ก า ร ณ์ ด้ ว ย ต น เ อ ง 2).พ ย า น บ อ ก เ ล่ า ห ม า ย ถึ ง พ ย า น ที่ รั บ ฟั ง ข้ อ เ ท็ จ จ ริ ง จ า ก บุ ค ค ล อื่ น แล้วมาเป็นพยาน ในทางพระคัมภีร์ มีคำบัญชา(ของพระเยซูคริสต์)ให้เราออกไปเป็นพยาน 1.เรื่องข่าวดีที่พระเยซูทำเพื่อทุกคน 2.เรื่องประสบการณ์ที่พระเยซูทำ 1).เพื่อเรา 2).กับเรา 3).ในเรา และ 4).ผ่านเรา อาจารย์ เปาโล จริงจังในเรื่องคำบัญชานี้มาก ถึงกับกล่าวว่า “แต่ข้าพเจ้าไม่ได้ถือว่าชีวิตของข้าพเจ้าเป็นสิ่งมีค่าสำหรับตัวเอง ขอแต่เพียงให้ข้าพเจ้าได้ทำหน้าที่ของข้าพเจ้าและทำพันธกิจ ที่ได้รับจากพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าให้สำเร็จ คือการเป็นพยานถึงข่าวประเสริฐที่สำแดงพระคุณของพระเจ้า!” ~กิจการ 20:24 THSV11 เราทั้งหลายก็ควรกระตือรือร้นในการเป็นพยานให้พระเยซูคริสต์เช่นกัน โครงร่างของคำพยานที่มักใช้กัน คือการเล่าถึงประสบการณ์ของเรากับพระเยซูคริสต์ ในแต่ละช่วงดังนี้ 1.ช่วงชีวิตก่อนเชื่อ 2.ช่วงชีวิตตอนเชื่อ 3.ช่วงชีวิตหลังเชื่อ แล้วเราจะเป็นพยานอย่างไร? 1.ผ่านชีวิต~ คือดำเนินชีวิตตามหลักคำสอนของพระเยซูคริสต์ เช่น รัก ให้อภัย และแสดงความเมตตาต่อผู้อื่น 2.ผ่านคำพูด~ คือแบ่งปันเรื่องราวชีวิต/ประสบการณ์ของการช่วยเหลือ หรือเปลี่ยนแปลงที่มาจากพระเจ้า 3.ผ่านการกระทำ~คือช่วยเหลือผู้อื่น รวมทั้งการอธิษฐานเผื่อและอวยพรพวกเขา 4.ผ่านสื่อต่างๆ ~คือพูดคุย เล่า สอน เทศน์ เรื่องพระคัมภีร์ที่เกี่ยวกับพระเยซูผ่านช่องทางต่างๆรวมทั้งทางออนไลน์ 5. ผ่านกิจกรรมต่างๆ~ คือเข้าร่วมกลุ่ม ร่วมค่าย หรือร่วมนมัสการ และแบ่งปันคำพยาน ถ้าจะให้ดีขึ้น คำพยานของเราควรครอบคลุมถึง 1).เรื่องราวพระเยซูทำอะไรในชีวิตของเรา 2).เรื่องราวพระเยซูทำอะไรในชีวิตของคนอื่น 3).เรื่องราวพระเยซูทำอะไรให้โลกนี้? พี่น้องที่รัก 1.ถ้าคุณไม่ได้เชื่อพระเยซูคริสต์ ~คุณได้รับฟังคำพยานเรื่องของพระองค์จากใครบ้างแล้วหรือยัง? 2.ถ้าคุณเชื่อพระเยซูคริสต์แล้ว ~คุณได้เป็นพยานเรื่องพระเยซูคริสต์ให้ใครบางคนที่ยังไม่รู้จักพระองค์ ได้รับฟังบ้างแล้วหรือยัง? ~~~~~~~~~~~~~~~ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 10มีนาคม2025 #YoutubeCJCONNECT #thongchaibsc#คริสตจักรแห่งความรัก #churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี#SoulFoodPodcastsSpotify.…
พระธรรมนำชีวิต ตอน คำฮธิษฐานของฮันนาห์ Ep.1206 เรามาดูคำอธิษฐานฮันนาห์ คำอธิษฐานของเธอ ฮันนาห์สรรเสริญพระเจ้าผู้ประทานคำตอบให้กับเธอ 'นางฮันนาห์อธิษฐานว่า “จิตใจของข้าพเจ้าชื่นชมในพระยาห์เวห์ ในพระยาห์เวห์ กำลังของข้าพเจ้าก็เข้มแข็ง ปากของข้าพเจ้าหัวเราะพวกศัตรูของข้าพเจ้า เพราะข้าพเจ้ายินดีในความรอดของพระองค์ “ไม่มีใครบริสุทธิ์ดังพระยาห์เวห์ ไม่มีใครเปรียบเหมือนพระองค์ ไม่มีใครปกป้องเหมือนพระเจ้าของพวกเรา อย่าพร่ำพูดเย่อหยิ่งโอหังอีกต่อไป อย่าให้ความจองหองออกมาจากปากของพวกเจ้า เพราะพระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงรู้ ผู้ตรวจการกระทำทั้งหลาย คันธนูของนักรบก็หัก แต่คนอ่อนแอก็ได้รับการเสริมกำลัง บรรดาคนที่เคยกินอิ่มก็ต้องออกรับจ้างหากิน แต่บรรดาคนที่หิวก็หยุดหิว คนที่เป็นหมันมีบุตรเจ็ดคน แต่นางที่มีบุตรมากก็ร่วงโรยไป พระยาห์เวห์ทรงประหารและทรงให้มีชีวิต พระองค์ทรงนำลงไปถึงแดนคนตายและทรงนำขึ้นมา พระยาห์เวห์ทรงทำให้ยากจนและทรงทำให้มั่งคั่ง ทรงทำให้ต่ำลงและทรงยกขึ้น ทรงยกคนยากจนขึ้นจากผงคลี ทรงยกคนขัดสนขึ้นจากกองขี้เถ้า ทรงทำให้พวกเขานั่งร่วมกับพวกเจ้านาย และได้ที่นั่งอันมีเกียรติเป็นมรดก เพราะว่าบรรดาเสาแห่งพิภพเป็นของพระยาห์เวห์ พระองค์ทรงวางพิภพไว้บนเสาเหล่านั้น “พระองค์จะทรงดูแลย่างเท้าของธรรมิกชนของพระองค์ แต่คนอธรรมจะต้องถูกทำลายในความมืด เพราะว่ามนุษย์จะชนะด้วยกำลังของเขาก็หาไม่ บรรดาผู้ต่อสู้พระยาห์เวห์จะถูกทำลาย พระองค์จะทรงส่งฟ้าร้องจากสวรรค์ต่อสู้เขา พระยาห์เวห์จะทรงพิพากษาจนสุดปลายพิภพ พระองค์จะประทานกำลังแก่พระราชาของพระองค์ และจะทรงเสริมอำนาจของผู้ที่พระองค์ทรงเจิมไว้” ' 1 ซามูเอล 2:1-10 ขอให้เราจะยังคงวางใจในพระเจ้าที่จะอธิษฐานร้องทูลต่อพระองค์จนได้พบคำตอบ แต่เมื่อเราได้รับคำตอบจากพระเจ้า เราอธิษฐานกับพระเจ้าอย่างไร? ขอให้เราจะยกย่องสรรเสริญพระเจ้าแบบเดียวกับที่ฮันนาห์ทำ วุฒิ วงศ์สรรเสริญ…
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่4 (343) นิสัยอย่างนี้ ดีแน่! “บรรดาผู้ที่ดีพร้อมในทางของตนก็เป็นสุข คือผู้ที่ดำเนินตามธรรมบัญญัติของพระยาห์เวห์” ~สดุดี 119:1 THSV11 “Blessed are those whose ways are blameless, who walk according to the law of the Lord.” ~Psalms 119:1 NIV เราควรเป็นคนดี ที่มีความสุข! คือเป็นคนดีที่ดำเนินตามธรรมบัญญัติของพระเจ้าและพร้อมทำดีอยู่เสมออย่างเป็นนิสัย นิสัยดีๆที่เราควรมีในฐานะเป็น 1.คนที่พระเจ้าทรงเลือก 2.คนที่บริสุทธิ์ และ 3.คนที่พระเจ้าทรงรัก ควรจะเป็นอย่างไร? ในพระคัมภีร์บอกเราว่า เราควรมีนิสัย ดังต่อต่อไปนี้ 1.มีนิสัยที่เปี่ยมด้วยใจเมตตาสงสาร ใจกรุณา ใจถ่อม ใจสุภาพอ่อนโยน และใจอดทน 2.มีนิสัยที่อดกลั้นอดทนต่อกันและกัน 3.มีนิสัยที่พร้อมให้อภัยเมื่อมีเรื่องราวต่อกัน(อย่างที่พระเยซูคริสต์อภัยแก่เรา) 4.มีนิสัยสวมความรักทับคุณความดีและผูกพันทุกสิ่งไว้ให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างสมบูรณ์ 5.มีนิสัยที่ให้สันติสุขของพระคริสต์นำพาและครองจิตใจ 6.มีนิสัยที่ให้พระวจนะของพระคริสต์เต็มล้นอยู่ในความคิดและในใจอย่างบริบูรณ์ 7.มีนิสัยในการสั่งสอนและเตือนสติกันด้วยปัญญาทั้งสิ้น 8.มีนิสัยชอบร้องเพลงสดุดี เพลงนมัสการ และเพลงฝ่ายจิตวิญญาณด้วยใจกตัญญูต่อพระเจ้า 9.มีนิสัยทำทุกสิ่งทั้งด้วยวาจาและด้วยการประพฤติในพระนามของพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า 10.มีนิสัยขอบพระคุณพระเจ้าพระบิดาโดยทางพระเยซููอยู่เสมอ ~โคโลสี 3:8-17 ไม่ว่าที่ผ่านมานิสัย ของคุณจะเป็นอย่างไร แต่คุณสามารถรับการเปลี่ยนนิสัยนั้นใหม่ โดยพลังจาก 1.พระวิญญาณบริสุทธิ์ 2.พระวจนะของพระเจ้า และ 3.สามัคคีธรรมและคำอธิษฐานของผู้ที่ศรัทธาในพระคริสต์ จงฟังคำเตือนของ Charles Duhigg ที่ว่า ”และในทันที ที่คุณเข้าใจแล้วว่า นิสัยของคุณได้รับการเปลี่ยนแปลงได้ คุณมีเสรีภาพและความรับผิดชอบที่จะสร้างนิสัยใหม่นั้นขึ้นมา!“ (And once you understand that habits can change, you have the freedom and the responsibility to remake them.) จงทำให้ ความดี และความสุขเป็นนิสัยของคุณ! นั่นคือ 1.ไม่ว่าสถานการณ์รอบข้างของเราจะเป็นอย่างไร? 2.ไม่ว่าคนรอบข้างของเราจะพูดอย่างไรหรือจะทำอย่างไร? เราก็จะไม่หวั่นไหว แต่จะยังคงทำดีและมีความสุขได้อยู่เสมอ! ท้ายนี้ พี่น้องที่รัก หากคุณไม่รู้ว่า คุณควรจะมีนิสัยอย่างไร ผมขอแนะนำว่า อย่างน้อย จงมีนิสัย เหมือนดังที่ Hippocrates แนะนำไว้คือ “จงสร้างนิสัย2อย่างนี้ขึ้นมา คือ 1.จงช่วยเหลือ(คนอื่น) หรือ อย่างน้อยที่สุด ก็ 2.จงอย่าทำร้าย(ผู้ใด) (Make a habit of two things: to help; or at least to do no harm.) …เห็นด้วยไหมครับ? ~~~~~~~~~~~~~~~ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 9มีนาคม2025 #YoutubeCJCONNECT #thongchaibsc#คริสตจักรแห่งความรัก #churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี#SoulFoodPodcastsSpotify.…
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่4 (342) จงระวังอย่าให้นิสัยเสีย! “ “อย่าหลงผิดเลย “การคบคนชั่วย่อมทำลายนิสัยที่ดีงาม”” ~1 โครินธ์ 15:33 THSV11 ”“Do not be deceived: “Bad company ruins good morals.”” ~1 Corinthians 15:33 ESV จงจำไว้เสมอว่า “เรากลายเป็นอย่างที่เราทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า!” “We become what we repeatedly do.” – Sean Covey เราจึงควรจริงจังในการสร้างนิสัยให้ดีตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อไม่ต้องมาแก้ไขในภายหลัง ซึ่งเป็นเรื่อง ที่ยากกว่ามากนัก เหมือนคำกล่าวที่ว่า “การป้องกันไม่ให้นิสัยเสียเป็นเรื่องที่ง่ายกว่าการทำลายนิสัยที่เสียไปแล้ว!# “It is easier to prevent bad habits than to break them.” – Benjamin Franklin เราจึงควรจริงจังและระวังในการเลือกคบหาคนที่จะมาอยู่ใกล้ชิดสนิทกับเรา ด้วยเช่นกัน! เพราะคนเหล่านั้น อาจจะทำให้เราเสียนิสัยหรือมีนิสัยเสียได้โดยไม่ยาก! ”นิสัย“หมายถึง “การกระทำที่เคยชิน, การกระทำต่างๆ ที่ทำบ่อยๆ จนเกิดความเคยชิน บ่มเพาะจนเป็นนิสัย ซึ่งมีทั้งนิสัยทางกายและทางอารมณ์ จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมการเปลี่ยนนิสัยถึงเปลี่ยนเรื่องยากหนักหนา จนบางทีเราไม่คิดว่าเราสามารถเปลี่ยนนิสัยได้ด้วยซ้ำ ก็เพราะเราทำมันทุกวัน จนเกิดเป็นลักษณะซ้ำๆ โดยเราไม่ได้รู้สึกผิดแผกไป ...” แล้วเราควรมีนิสัย แบบไหน? แบบ… 1.เสียความสัมพันธ์กับพระเจ้า~ขาดประชุมหรือการนมัสการจนเคยชิน หรือพัฒนาสัมพันธภาพที่ดีกับพระเจ้าทุกวัน? 2.เสียความสัมพันธ์กับผู้อื่น~โกรธกันดูถูก นินทาว่าร้าย ตัดสินหรือทำให้คนอื่นท้อใจบ่อยๆ หรือพัฒนาสัมพันธภาพที่ดีกับคนอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนในครอบครัวและในโบสถ์? 3.เสียชื่อเสียงหรือความน่าเชื่อถึอของตนเอง ~ทำชั่ว ไม่รับผิดชอบ เย่อหยิ่งหรือเห็นแก่ตัว หรือพัฒนาบุคลิกลักษณะและนิสัยที่ดีให้เป็นที่ชื่นชอบทั้งของพระเจ้าและของคนทั้งหลาย? อาจารย์เปาโล กำชับว่า เราต้องทิ้งนิสัยไม่ดีทั้งหลาย อาทิ “แต่บัดนี้ท่านทั้งหลายจงละทิ้งสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด คือ ความโกรธ ความฉุนเฉียว การคิดร้าย การใส่ร้าย และคำพูดหยาบโลนที่ออกจากปากของท่าน อย่าพูดโกหกต่อกันและกัน เพราะว่าท่านได้ปลดวิสัยมนุษย์เก่ากับพฤติกรรมของมนุษย์ นั้นแล้ว” ~โคโลสี 3:8-9 THSV11 ที่สำคัญยิ่ง คือเราต้องระมัดระวังในการคบคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่จะทำให้เรากลายเป็นคนนิสัยไม่ดี คนแบบไหนล่ะที่เราไม่ควรคบ? 1.คนที่ดึงให้เราห่างไกลจากพระเจ้าและพี่น้องในคริสตจักร 2.คนที่สร้างอิทธิพลเพื่อให้เราเป็นพวกและนำเราไปในทางที่ไม่ดี 3.คนที่ขาดความรับผิดชอบและมักหาความเดือดร้อนมาให้เราอยู่เสมอ 4.คนที่พูดจากลับกลอก ปั้นน้ำเป็นตัว โกหกเก่งหรือชอบยุแยง เสี่ยมสอนให้ผู้อื่นแตกคอกัน 5.คนขี้อิจฉา ริษยาผู้อื่น และไม่รู้สึกยินดีเวลาเห็นผู้อื่นได้ดี 6.คนที่เห็นความผิดพลาดของผู้อื่นเท่าภูเขา แต่ความผิดพลาดของตัวเองกลับมองไม่เห็น 7.คนที่มีความคิดและพูดในแง่ลบอยู่ตลอดเวลา 8.คนที่ชอบฉุดดึงผู้อื่นให้ตกต่ำลง โดยใช้คำพูดหรือการกระทำเพื่อให้ผู้อื่นดูเเย่ลง 9.คนประพฤติตนแบบต่อหน้าอีกอย่างลับหลังอีกอย่าง หรือเป็นนกสองหัว 10.คนที่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง ฉุนเฉียวง่าย ด่วนสรุป และชอบใส่ร้ายผู้อื่น พี่น้องที่รัก 1.อย่าทำตัวของเราให้เป็นคนนิสัยไม่ดี และ 2.อย่าปล่อยให้ใครมาทำให้เรากลายเป็นคนนิสัยไม่ดี …จะดีไหมครับ? ~~~~~~~~~~~~~~~ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 8มีนาคม2025 #YoutubeCJCONNECT #thongchaibsc#คริสตจักรแห่งความรัก #churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี#SoulFoodPodcastsSpotify.…
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่4 (341) โอกาสดีๆจากงานศพ! “ไปยังเรือนที่มีการคร่ำครวญ ก็ดีกว่าไปยังเรือนที่มีการเลี้ยงกัน เพราะนั่นเป็นวาระสุดท้ายของมนุษย์ทุกคน และผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่จะเอาเหตุการณ์นั้นใส่ไว้ในใจ” ~ปัญญาจารย์ 7:2 THSV11 “It's better to go to a funeral than to attend a feast; funerals remind us that we all must die.” ~Ecclesiastes 7:2 CEV แม้ในงานศพจะมีบรรยากาศที่ดูเศร้าโศกเสียใจ เพราะการสูญเสียหรือการ ลาจากของบุคคลอันเป็นที่รัก แต่ในงานศพก็ทำให้เราเห็นโอกาสดีๆ หลายอย่าง อาทิ 1.โอกาสในการทบทวนคุณค่าชีวิตของตนในอดีต 1).ในสิ่งดีที่ทำมา 2).ในสิ่งไม่ดีที่ทำมา 3).ในสิ่งดีที่น่าจะทำแต่ไม่ได้ทำ 4).ในสิ่งไม่ดีที่รอดมาหรือผ่านมาได้ 2.โอกาสในการแก้ไขชีวิตของตนในปัจจุบัน 1).กลับตัวกลับใจ -ยุติในสิ่งไม่ดีและในพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมซึ่งกำลังทำอยู่ 2).กล้าหาญ-เริ่มต้นลงมือทำสิ่งดี/สิ่งสำคัญ ก.ที่ไม่ยอมทำ ข.ที่หยุดทำไป 3.โอกาสในการจัดลำดับสำคัญก่อนหลังเรื่อง 1).ค่านิยมและ 2).เป้าหมายในชีวิต ทั้งปัจจุบันและอนาคตขึ้นใหม่ ด้าน ก.ชีวิตส่วนตัว ข.ชีวิตครอบครัว ค.ชีวิตรับใช้ ง.อาชีพการงาน จ.ความสัมพันธ์กับพระเจ้า 4.โอกาสในการแสดงความรักผ่านการหนุนใจ 1).ผู้ที่สูญเสีย 2).ครอบครัวของผู้สูญเสีย และ 3).ผู้ที่กำลังโศกเศร้า ต่อการจากไปของผู้ตาย 5.โอกาสในการรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับ 1).ใครบางคนที่ห่างเหินกัน 2).ใครบางคนที่ต้องคืนดีกัน ก่อนที่ตัวเราหรือตัวเขาจะตายจากกันไป 6.โอกาสในการแสดงตนเคียงข้างผู้วายชนม์และครอบครัว 1).ร่วมประกาศเกียรติคุณของผู้วายชนม์ 2).สนับสนุนและสืบสานเจตนารมณ์ที่ดีของผู้วายชนม์ และครอบครัว 7.โอกาสในการประกาศข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์ 1).ต่อคนในครอบครัวของผู้วายชนม์ 2).ต่อญาติมิตรของผู้วายชนม์ 3).ต่อบรรดาแขกและคนทั่วไป เพื่อทุกคนจะมีโอกาสได้รับความรอดพ้นจากบาปกรรมทั้งสิ้นที่ได้ทำมา ก่อนที่แต่ละคนจะเสียชีวิตของเขาในวันใดวันหนึ่งข้างหน้านี้ สรุป การตายคือการหมดวาระในการดำรงอยู่ของเราแต่ละคนในโลกนี้ เป็นวาระที่วิญญาณของเราจะออกจากร่างกายนี้ เพื่อกลับไปอยู่กับพระเจ้าพระผู้สร้าง พระเจ้าทรงสร้างทั้งจิตวิญญาณและร่างกายของเรา เพียงแต่ร่างกายนั้นดำรงอยู่เพียงชั่วคราว แต่จิตวิญญาณนั้นจะคงอยู่ถาวรนิรันดร์ เพราะ “เราคือ วิญญาณที่มีร่างกาย ไม่ใช่ร่างกายที่มีวิญญาณ!” ดังนั้น พี่น้องที่รัก ขอให้เรามองเห็น“โอกาสดีๆ”ในงานศพ และใช้โอกาสเหล่านั้นให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อตัวเรา คนทั้งหลาย และโลกใบนี้ …จะดีไหมครับ? ~~~~~~~~~~~~~~~ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 7มีนาคม2025 #YoutubeCJCONNECT #thongchaibsc#คริสตจักรแห่งความรัก #churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี#SoulFoodPodcastsSpotify.…
พระธรรมนำชีวิต ตอน คุณเชื่อจริงๆไหม? Ep.1204 เมื่ออธิษฐานทูลขอไม่ว่าตะเป็นเรื่องใดก็ตามที่ไม่ขัดแย้งกับพระประสงค์ของพระเจ้า เราเชื่อไหมว่าเราจะได้รับสิ่งนั้น หลายครั้งที่เราอธิษฐานขอ เราก็ขอไปแบบอย่างนั้นๆ เราขอกับพระเจ้าเหมือนขอกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ ที่คิดว่าถ้าได้ก็ดี หากไม่ได้ก็ไม่เป็นไร การขอแบบนี้เป็นการขอแบบไม่เชื่อว่าจะได้รับ ผมขอเคาะไปเลยว่า การขอแบบนั้นเป็นการขอที่มีความเชื่อน้อย หรือเป็นการขอที่ยังสงสัยอยู่ พระเยซูตรัสสอนไว้ว่า 'เพราะเหตุนี้ เราบอกท่านทั้งหลายว่า เมื่อพวกท่านอธิษฐานขอสิ่งใด จงเชื่อว่าได้รับ แล้วพวกท่านจะได้รับสิ่งนั้น 'มาระโก 11:24 ฮันนาห์เป็นตัวอย่างที่ดีมากในเรื่องความเชื่อ เธอขอแบบไม่สงสัย เมื่อเธอมีความทุกข์มีความขมขื่นใจอย่างหนักสิ่งที่เธอทำคือมาร้องทูลพระเจ้าด้วยความเชื่อว่า พระเจ้าเป็นเพียงผู้เดียวที่จะเธอผ่านความทุกข์ ความขมขื่นใจนั้นได้ พระเจ้าสามารถอวยพรเธอให้เธอมีลูกได้ แล้วเมื่อเธอพบกับคำตอบผ่านเอลี เธอก็เชื่อว่าเธอได้รับแล้ว ยืนยันได้จาก “และนางก็ตอบว่า “ขอหญิงผู้รับใช้ของท่านได้รับความโปรดปรานจากท่านเถิด” แล้วหญิงนั้นก็ไปตามทางของนาง รับประทานอาหาร และใบหน้าของนางก็ไม่โศกเศร้าอีกต่อไป” 1 ซามูเอล 1:18 เมื่อเราอธิษฐานเราต้องเชื่อว่าได้รับแล้ว แต่ในเรื่องคำอธิษฐานนี้เราต้องทำในส่วนของเราด้วย แล้วที่เหลือพระเจ้าจะเป็นผู้ทำกิจของพระองค์เอง ในข้อ 19 ก้ได้บอกว่าฮันนาห์กับเอคานาห์ก็มีเพศสัมพันธ์กัน แล้วพระเจ้าก็อวยพรให้เธอตั้งครรภ์ นี่ทำให้เราเห็นว่าพระเจ้าต้องการให้เราดำเนินชีวิตของเราไปเรื่อยๆ โดยไม่สงสัยเลยว่าจะได้รับไหม 'แต่ถ้าไม่มีความเชื่อแล้ว จะไม่เป็นที่พอพระทัยเลย เพราะว่าผู้ที่จะมาเฝ้าพระเจ้านั้น ต้องเชื่อว่าพระองค์ทรงดำรงพระชนม์อยู่ และพระองค์ทรงเป็นผู้ประทานบำเหน็จแก่คนเหล่านั้นที่แสวงหาพระองค์ ' ฮีบรู 11:6 กุญแจสำคัญในการได้รับคำตอบจากพระเจ้า คือความเชื่อแบบไม่มีข้อกังขาในพระเจ้าเลย เชื่อโดยไม่สงสัย ในพระธรรมยากอบบอกว่าถ้าเราขอด้วยความสงสัยเราจะไม่มีหลัก เราจะหันไปทางโน้นทีทางนี้ที ใครว่าอะไรดี ก็ไปเอาหมด พระเจ้าที่เราเชื่อยังคงเป็นพระเจ้าองค์เดิมที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ทั้งพระทัยและวิธีการของพระองค์ ขอให้เรายังคงร้องทูลกับพระเจ้าต่อไปในทุกเรื่องและต้องเชื่อว่าจะได้รับสิ่งนั้นด้วย แล้วพระเจ้าจะทรงอวยพรให้สิ่งนั้นเกิดขึ้น “และต่อมาเมื่อถึงเวลาที่กำหนด ฮันนาห์ก็ตั้งครรภ์คลอดบุตรชายคนหนึ่ง และนางให้ชื่อเด็กนั้นว่าซามูเอล เพราะนางกล่าวว่า “ดิฉันทูลขอมาจากพระยาห์เวห์”” 1 ซามูเอล 1:20 พระเจ้าทรงมีเวลาของพระองค์ ขอให้เราเชื่อโดยไม่สงสัย อย่าหยุดอธิษฐานและทำหน้าที่ของเราต่อไปโดยไม่ขาดตกบกพร่องในเรื่องใดจนกว่าเราจะได้รับสิ่งนั้น ขอพระเจ้าอวยพระพรทุกคนที่มีความเชื่อโดยไม่สงสัยเลย วุฒิ วงศ์สรรเสริญ…
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่4 (340) ฉายาอันหลากหลายของเงินตรา! “คนรักเงินย่อมไม่อิ่มเงิน และ คนรักสมบัติก็ไม่อิ่มกับผลตอบแทน นี่ก็อนิจจังด้วย” ~ปัญญาจารย์ 5:10 THSV11 “Whoever loves money never has enough; whoever loves wealth is never satisfied with their income. This too is meaningless.” ~Ecclesiastes 5:10 NIV เงินเป็นสิ่งสำคัญและมีค่า โดยปกติ ใครๆก็ต้องการเงิน เพราะเงินช่วยตอบสนองความต้องการพื้นฐานและ อาจทำให้ บรรลุความต้องการอันสูงส่งได้! เงินนั้น มีชื่อเรียกหลากหลายแตกต่างกัน อาทิ ”. เมื่ออยู่ในวัด เรียกว่า "ปัจจัย" อยู่ที่โรงเรียน เรียกว่า "แป๊ะเจี๊ยะ" ในการแต่งงาน เรียกว่า "สินสอด" ในการหย่า เรียกว่า "ค่าเลี้ยงดู" เมื่อหยิบยืมใคร เรียกว่า "หนี้สิน" เมื่อจ่ายให้รัฐบาล เรียกว่า "ภาษี" ในศาล เรียกว่า "ฤชา" ในบ่อน เรียกว่า "ชิพ" บนโรงพัก เรียกว่า "ค่าปรับ" นอกโรงพัก เรียกว่า "ใต้โต๊ะ" จ่ายข้าราชการเกษียณเป็นก้อน เรียกว่า "บำเหน็จ" จ่ายข้าราชการเกษียณเป็นเดือน เรียกว่า "บำนาญ" รับตอนตรุษจีน เรียกว่า "แต๊ะเอีย" รับตอนสิ้นปี เรียกว่า "โบนัส" จ่ายลูกจ้าง เรียกว่า "ค่าจ้าง" จ่ายพนักงาน เรียกว่า "เงินเดือน" จ่ายลูกพี่ เรียกว่า "ค่าครู" จ่ายลูกน้อง เรียกว่า "ค่าตอบแทน" ให้เด็ก เรียกว่า "เบี้ยเลี้ยง" ให้ผู้ยากไร้ เรียกว่า "ทาน" จ่ายหลังจากได้รับบริการที่ดี เรียกว่า "ทิป" จ่ายหลังจากถูกหลอก เรียกว่า "ค่าโง่" ฝากธนาคาร เรียกว่า "เงินฝาก" เมื่อยืมธนาคาร เรียกว่า "เงินกู้" จ่ายให้โจร เรียกว่า "ค่าไถ่" จ่ายตำรวจ เรียกว่า "ส่วย" จ่ายเพื่อรับบริการที่ถูกกฎหมาย เรียกว่า "ค่าธรรมเนียม" จ่ายเพื่อรับบริการที่ผิดกฎหมาย เรียกว่า "สินบน" จ่ายให้ประกันเรียกว่า "เบี้ยประกัน" จ่ายให้ กรณีบาดเจ็บ เรียกว่า"สินไหม" จ่ายให้ ชาวบ้าน ตอนเลือกตั้ง เรียกว่า "ซื้อเสียง" จ่ายให้ สส.หิว เรียกว่า "กล้วย" จ่ายให้ผู้เดือดร้อนหรือผู้ต้องการความช่วยเหลือ เรียกว่า “เงินบริจาค” จ่ายให้กับวัด(พุทธ) เรียกว่า “เงินทำบุญ” จ่ายให้คนยากจนของชาวมุสลิมเรียกว่า“ซะกาต” จ่ายให้แก่วัดของชาวคาทอลิกเรียกว่า “เงินทำบุญมิสซา“ จ่ายให้แก่โบสถ์ของคริสเตียน เรียกว่า ”สิบลด“หรือ ”ทศางค์“ ( ขอบคุณ คุณ กรณรัฏฐ์ ทวีวัฒน์ธนกร สำหรับข้อมูลด้วย) อย่างไรก็ตาม คนที่ได้เงินมาจะไม่มีวันอิ่ม หรือรู้สึกพอหรือจุใจ บางครั้งเงินทองก็เป็นบททดสอบที่ทำให้หลายคนสอบตกในมหาวิทยาลัยของชีวิต ทำให้ สูญสิ้นทุกอย่างที่เคยมี! จงเป็นนายของเงิน อย่าให้เงินเป็นนายของเรา จงใช้เงิน แต่อย่าให้เงินใช้เรา พี่น้องที่รัก จงมีชื่อเสียงดี ไม่ว่าเราจะมีเงินมากน้อยแค่ไหน “ชื่อเสียงดีนั้นควรเลือกยิ่งกว่าความมั่งคั่งมากมาย และมีคนนับถือก็ดีกว่ามีเงินมีทอง” ~สุภาษิต 22:1 THSV11 …เห็นด้วยไหมครับ? ~~~~~~~~~~~~~~~ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 6มีนาคม2025 #YoutubeCJCONNECT #thongchaibsc#คริสตจักรแห่งความรัก #churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี#SoulFoodPodcastsSpotify.…
พระธรรมนำชีวิต ตอน เริ่มต้นด้วยการอธิษฐาน Ep.1203 วันนี้เราเริ่มต้นพระธรรม 1 ซามูเอลด้วยกัน พระธรรมเล่มนี้เป็นช่วงเวลาที่คาบเกี่ยวกันกับพระธรรมผู้วินิจฉัย เป็นช่วงมีการเปลี่ยนแปลงจากที่อิสราเอลไม่มีกษัตริย์ เป็นมีกษัติรย์ ในบทที่ 1 ได้เริ่มต้นถึงผู้หญิงที่ชื่อฮันนาห์ ฮันนาห์เป็นตัวอย่างที่ดีของคนที่เผชิญความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส ไม่ใช่แค่เพียงเธอร้องไห้ แต่เธอเลือกที่จะนำทุกสิ่งไปหาพระเจ้า ไปร้องไห้ต่อพระเจ้า ในยุคโบราณการมีลูกเป็นสัญลักษณ์ของการอวยพรจากพระเจ้า และการไม่มีลูกถือเป็นเรื่องที่น่าอับอายอย่างมาก แม้ว่าฮันนาห์จะได้รับความรักจากสามีมากกว่า แต่เธอก็ถูกเปนินนาห์เยาะเย้ยอย่างรุนแรง 'นางขมขื่นใจมากจึงอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์และร้องไห้อย่างหนัก นางบนไว้ว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์จอมทัพ ถ้าพระองค์จะทอดพระเนตรความทุกข์ใจของผู้รับใช้ของพระองค์จริงๆ ทรงระลึกถึงข้าพระองค์ และไม่ทรงลืมผู้รับใช้ของพระองค์ แต่จะประทานบุตรชายแก่ผู้รับใช้ของพระองค์สักคน แล้วข้าพระองค์จะถวายเขาแด่พระยาห์เวห์ตลอดชีวิตของเขา และมีดโกนจะไม่แตะต้องศีรษะของเขาเลย” ' 1 ซามูเอล 1:10-11 ฮันนาห์ร้องไห้คร่ำครวญอยู่จนเอลีคิดว่าเธอเมา แต่ฮันนาห์ตอบว่า เธอไม่ได้เมาแต่เธอมีความทุกข์ใจมาก และเธอนำความทุกข์ใจนั้นมาระบายความในใจเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า ขออย่าว่าเธอเป็นหญิงเลว สิ่งที่เธอพูดนั้นก็พูดด้วยความกระวนกระวายและความเศร้าใจมาก 'แล้วเอลีก็ตอบว่า “จงกลับไปเป็นสุขเถิด ขอพระเจ้าแห่งอิสราเอลโปรดประทานตามคำขอที่เจ้าได้ทูลขอจากพระองค์” ' 1 ซามูเอล 1:17 หากเรามีความทุกข์ใจอย่างมากเหมือนฮันนาห์ ขอให้เราจะพึ่งพาพระเจ้าตลอดเวลาจนกว่าเราจะได้รับคำตอบ 'พระยาห์เวห์ทรงอยู่ใกล้ผู้ที่ใจแตกสลาย และทรงช่วยผู้สิ้นหวัง ' สดุดี 34:18 ในเวลาที่หนักหน่วงหรือในช่วงเวลาที่ใจแตกสลายนั้น ขอให้สิ่งที่เกิดขึ้นกับฮันนาห์จะเกิดขึ้นกับเราทุกคน อย่าลืมว่า พระเจ้าอยู่ไกลจากเราเพียงแค่หนึ่งคำอธิษฐาน ให้เราร้องหาพระเจ้า เพราะพระเจ้าจะช่วยผู้คนที่สิ้นหวัง ที่แสวงหาพระองค์ วุฒิ วงศ์สรรเสริญ…
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่4 (339) ข้อเสนอที่ดี ฟรี และถูก? “”งูจึงพูดกับหญิงนั้นว่า “พวกเจ้าจะไม่ตายแน่ เพราะพระเจ้าทรงทราบอยู่ว่า พวกเจ้ากินผลจากต้นไม้นั้นวันใด ตาของพวกเจ้าจะสว่างขึ้นในวันนั้น แล้วพวกเจ้าจะเป็นเหมือนอย่างพระเจ้า คือรู้ความดีและความชั่ว”” ~ปฐมกาล 3:4-5 THSV11 “The snake said to the woman, “You won’t die! God knows that on the day you eat from it, you will see clearly and you will be like God, knowing good and evil.”” ~Genesis 3:4-5 CEB ในพระธรรมปฐมกาล เล่าเรื่องข้อเสนอที่ดูดี แบบน่าลองทำตาม แต่ผลลัพธ์ที่ตามมานั้น ราคาแพง โดยเรื่องราวเป็นดังนี้ “ 1.มารในคราบของงูถามหญิงนั้นว่า “จริงหรือ? ที่พระเจ้าตรัสว่า ‘ห้ามพวกเจ้ากินผลจากต้นไม้ทุกต้นในสวนนี้’ ” 2.หญิงนั้นจึงตอบงูว่า “ผลของต้นไม้ในสวนนี้เรากินได้ เว้นแต่ผลของต้นไม้ที่อยู่กลางสวนนั้น พระเจ้าตรัสว่า ‘ห้ามพวกเจ้ากินและถูกต้องเลย มิฉะนั้นพวกเจ้าจะตาย’ ” 3.งูจึงพูดกับหญิงนั้นว่า “1).พวกเจ้าจะไม่ตายแน่ เพราะพระเจ้าทรงทราบอยู่ว่า 2).พวกเจ้ากินผลจากต้นไม้นั้นวันใด ตาของพวกเจ้าจะสว่างขึ้นในวันนั้นแล้ว 3).พวกเจ้าจะเป็นเหมือนอย่างพระเจ้า คือรู้ความดีและความชั่ว” 4.หญิงนั้นเห็นว่าต้นไม้นั้นดีน่ากิน ทั้งเป็นต้นไม้น่าปรารถนาที่ทำให้เกิดปัญญา 5.หญิงนั้น จึงเก็บผลไม้นั้นมากิน แล้วส่งให้สามีที่อยู่กับเธอกินด้วย 6.สามีก็กิน ตาของเขาทั้งสองคนก็สว่างขึ้น 7.สามีและภรรยา จึงรู้ว่าพวกเขาเปลือยกายอยู่ ก็เอาใบมะเดื่อมาเย็บเป็นเครื่องปกปิดกายไว้” ~ปฐมกาล 3:1-7 THSV11 โลกเต็มไปด้วยการโฆษณาและโปรโมชั่นดึงดูดใจ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ตั้งแต่สวนเอเดนจนถึงทุกวันนี้ การมองหาข้อเสนอราคาถูก หรือสิ่งที่ “ฟรี” จึงเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่พยายามตามหาอยู่เสมอ แต่เรามักหลงลืมไปว่าของที่ดูดี และฟรีเหล่านั้น อาจจะไม่ได้มาพร้อมกับสิ่งดีๆ อย่างที่เราคิด ดังอุทาหรณ์ เรื่องหนึ่งดังนี้ “ชายคนหนึ่งสร้างสวนสัตว์ขึ้นมา และ ตั้งค่าเข้าชมไว้ที่ 500 บาท … แต่ไม่มีใครมาเลย เขาจึงลดราคาลงเหลือ 300 บาท …แต่ก็ยังไม่มีใครมาเที่ยว สวนสัตว์ของเขาจึงเงียบสนิท ต่อมาเขาจึงลดราคาลงเหลือ 100 บาท …แต่ก็ยังไร้วี่แวว ไม่มีผู้คนเข้ามาชมเลยสักคนเดียว! จนในที่สุด.. เขาเปิดให้คนเข้าชมฟรี !! ผลคือ ในไม่ช้าสวนสัตว์ก็เต็มไปด้วยผู้คนที่เข้ามาชม จากนั้นเขาก็ล็อคประตูสวนสัตว์อย่างเงียบๆ ขังผู้คนไว้ แล้วปล่อยสิงโตออกมา เขาตั้งค่าออกจากสวนสัตว์ไว้ที่คนละ 1,000 บาท …และ ทุกคนล้วนก็เต็มใจจ่าย..!! 🤣🤣” เรื่องราวนี้เตือนสติให้รู้ว่า บางครั้งข้อเสนอที่ดูเหมือนจะ ถูก ดีเกินไป หรือสิ่งที่ให้มา “ฟรี” นั้น อาจจะมี ค่าใช้จ่ายราคาสูง แอบแฝงไว้ที่เรามองเห็นไม่ห็นในตอนแรก และลวงให้เราเดินเข้าไปในกับดักนั้นโดยไม่รู้ตัว ดังนั้น จงระมัดระวังกับสิ่งที่ดูดีเกินไป ฟรี หรือราคาถูก เพราะ บางครั้งอาจไม่คุ้มค่ากับสิ่งที่คุณต้องเสียคืนให้ในอนาคต การเลือกสิ่งที่ถูกต้อง มีค่าและเหมาะสมกับตัวคุณเอง จึงสำคัญกว่าการตามหาสิ่งที่ดูเหมือนจะได้มาอย่างง่ายดาย แต่มีผลเสียที่คุณอาจต้องจ่ายในภายหลัง จำไว้ว่า บนโลกนี้ไม่มี 1.ธุรกิจ หรือ 2.พันธกิจ รวมทั้ง 3.การดำเนินชีวิตประจำวันของเราเองใดๆ ที่จะสำเร็จ ได้มาฟรีๆ หรือ ง่ายๆ เพราะทุกอย่างต้องจ่าย หรือ แลกมาด้วยบางสิ่งบางอย่างจากตัวเรา! เราจึงต้องมีสติ สามารถแยกแยะ และตัดสินใจ อย่างมีวิจารณญาณ และพร้อมรับผิดชอบ ต่อการกระทำของเรา ดังนั้น อย่าให้เรา แสวงหาความสำเร็จ ความร่ำรวยมั่งคั่ง หรือความสุขเพลิดเพลิน ใดๆ ที่ปราศจากพระเจ้า ตามคำหลอกลวงของมาร หรือ โลกนี้ ที่โฆษณาว่า “มีทางลัด เร็ว ฟรี ดี และถูก!”เลย … จะดีไหมครับ? ~~~~~~~~~~~~~~~ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 5มีนาคม2025 #YoutubeCJCONNECT #thongchaibsc#คริสตจักรแห่งความรัก #churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี#SoulFoodPodcastsSpotify.…
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่4 (338) คำพูดที่ไม่ควรพูด! คำพูดก็เหมือนน้ำ เมื่อสาดไปแล้วก็เอาคืนกลับมาไม่ได้ พูดดีเป็นศรีแก่ตัว พูดพลาดไปก็อาจย้อนมาทำร้ายตัวเราเอง คำพูดแบบไหนที่ไม่ควรพูด? 1.คำพูดบั่นทอนกำลังใจ ทุกคนต้องการพลังบวก อย่าให้เราพูดลบแล้วทำให้ใครบางคนหมดหวัง 2.คำพูดเวลาโกรธ อารมณ์ชั่ววูบอาจทำให้เราพูดจาทำร้ายคนอื่นและตัวเอง จงหยุดคิดให้ดีก่อนพูดเสมอ 3.คำพูดตำหนิกล่าวโทษ ความไม่พอใจมักทำให้เราตำหนิผู้อื่น แต่คำพูดนั้นอาจย้อนกลับมาสร้างปัญหาให้ตัวเราเอง 4.คำพูดเสียดสีเย้ยหยัน อาจดูสนุกในตอนพูด แต่สุดท้ายจะทำให้ทั้งเราและเขาดูแย่และสร้างรอยร้าวในความสัมพันธ์ 5.คำพูดอวดตน คนที่ยิ่งใหญ่ไม่ต้องพูดบรรยายอะไรให้ใครฟัง เพราะความสำเร็จนั้นจะพูดแทนตัวเราเอง 6.คำพูดโกหก ความน่าเชื่อถือมีค่ามากกว่าการพูดคำหวานหูหรือสนุกเพียงชั่วคราวเพื่อเอาตัวรอดของเรา 7.คำพูดที่เปิดเผยความลับขององค์กรหรือครอบครัว การพูดเรื่องภายในของครอบครัวหรือองค์กรโดยไม่คิด อาจนำไปสู่ปัญหาที่แก้ไม่ตกในภายหลัง 8.คำพูดที่นำเรื่องส่วนตัวของคนอื่นไปพูด ความลับคือสิ่งที่ต้องเคารพ การเผยแพร่เรื่องส่วนตัวของคนอื่น จะทำให้เราเสียเครดิตและเขาเสียหาย 9.คำพูดพล่อยพูดไวแบบไม่คิด การพูดแบบขาดสติเช่นนี้ จะทำให้เกิดความเสียหายทั้งต่อตัวเราและต่อคนที่เรากล่าวถึงอย่างคาดไม่ถึง ศิลปะการพูด ไม่ใช่แค่พูดเก่ง แต่ต้องพูดให้เป็น คือ 1.พูดแต่ในสิ่งที่ควรพูด 2.พูดให้ถูกที่ 3.พูดให้ถูกเวลา 4.พูดให้ถูกต้อง 5.พูดให้ถูกคน ขอให้เราทำตามคำเตือนจากปัญญาจารย์ที่กำชับไม่ให้เราพูดอะไรแบบไม่คิด หรือไม่รับผิดชอบต่อพระเจ้าหรือคนอื่นๆ เพราะจะเกิดผลเสียแก่ตัวเราเอง คนอื่นๆ และงานที่เราทำ “อย่าให้ปากของเจ้าเป็นเหตุนำตัวเจ้าให้ทำบาป และ อย่าพูดต่อหน้าผู้สื่อสารของพระเจ้าว่า นี่เป็นความผิดพลาด เหตุไฉนจะให้พระเจ้าทรงพระพิโรธเพราะคำพูดของเจ้า แล้วเลยทรงทำลายการงานแห่งน้ำมือของเจ้าเสียเล่า?” ~ปัญญาจารย์ 5:6 THSV11 “Do not let your mouth lead you into sin. And do not protest to the temple messenger, “My vow was a mistake. ” Why should God be angry at what you say and destroy the work of your hands?” ~Ecclesiastes 5:6 NIV อาเมนไหมครับ? ~~~~~~~~~~~~~~~ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 4มีนาคม2025 #YoutubeCJCONNECT #thongchaibsc#คริสตจักรแห่งความรัก #churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี#SoulFoodPodcastsSpotify.…
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่4 (337) ทำไมเราถึงชอบพูดเรื่องลบเรื่องร้าย เกี่ยวกับของคนอื่น? ““ขอให้ทุกคนระวังเพื่อนบ้านของตน และอย่าวางใจในพี่น้องคนใดเลย เพราะพี่น้องทุกคนเป็นคนเจ้าเล่ห์ และเพื่อนบ้านทุกคนก็เที่ยวไปพูดให้ร้ายผู้อื่น” ~เยเรมีย์ 9:4 THSV11 “Watch your neighbors! Don’t trust your own brothers, because every brother is a cheat. Every neighbor talks behind your back.” ~Jeremiah 9:4 ERV จงระวัง! เราอาจถูกคนรอบตัวโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนใกล้ตัว พูดจาให้ร้ายหรือพูดจาลบๆเกี่ยวกับตัวของเรา อย่างโหดร้าย! แล้วทำไมเขาจึงทำเช่นนั้นต่อเรา? 1.เขม่น~ เพราะเขาไม่ชอบหน้าเรา ด้วยสาเหตุใดสาเหตุหนึ่ง จึงพูดลบๆเกี่ยวกับตัวเรา 2.ข่ม~ เพราะเขาต้องการยกตัวบอกว่า เขาดีกว่า หรือ เหนือกว่าเรา 3.ขุ่นเคือง~ ~เพราะเขาโกรธกรุ่นอยู่ในใจ หรือกำลังไม่พอใจเราในบางเรื่อง 4.ขุ่นแค้น~ ~เพราะเขาเจ็บใจโกรธเรา จึงคิดและระบายความแค้นต่อเราออกมาผ่านคำลบๆ หรือคำแรงๆออกมา 5.ขื่นขม~ ~เพราะเขารู้สึกช้ำใจ ตรอมใจ หรือ ทุกข์ใจ อยู่ภายใจ แต่พยายามฝืนไว้ เลยใช้การพูด ลบๆ เป็นการปลดปล่อยความรู้สึกเหล่านั้นออกมาเพื่อใส่ร้ายเรา 6.ขยาด~ ~เพราะเขากลัว หรือครั่นคร้ามเรามาก จนไม่กล้าเผชิญหน้าตรงๆ จึงใช้การซุบซิบนินทาเป็นช่องทางในการตอบโต้เราแทน 7.ขจัด~ ~ เพราะเขามองว่าเรานั้นเด่นเกิน หรือ เป็นปัญหาที่เขาไม่ชอบและต้องกำจัดทิ้ง ซึ่งอาจมาจากสิ่งที่เราพูด สอน หรือทำก็ได้ พี่น้องที่รัก คนที่พูดหรือทำเรื่องลบๆเขย่าคนอื่นนั้น มักเข้าข้างและยกตัวว่าตนดีกว่าหรือสูงส่งกว่าคนอื่น และชอบเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางหรือมาตรฐาน ดุจไม้บรรทัดวัดผู้อื่น เขามักมองเห็นแต่ผงในตาคนอื่น แต่กลับมองไม่เห็นไม้ทั้งท่อนในตาของตัวเขาเอง ซึ่งแท้ที่จริงแล้วสิ่งที่เราควรทำมากกว่า ก็คือการเตือนตัวเราเองและคนอื่นให้ตระหนักถึง ความผิดพลาดหรือความผิดบาปที่ตัวเราและตัวพวกเขาได้กระทำ ด้วยความถ่อมตัว ไม่หยิ่งผยอง ! พี่น้องที่รัก วันนี้คุณกำลังพูด หรือ โพสต์ หรือซุบซิบ ใส่ร้าย หรือพูดอะไรลบๆ เกี่ยวกับคนใดคนหนึ่งอยู่หรือไม่? ….จงหยุดทำเช่นนั้นเสียที จะดีไหม? ~~~~~~~~~~~~~~~ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 3มีนาคม2025 #YoutubeCJCONNECT #thongchaibsc#คริสตจักรแห่งความรัก #churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี#SoulFoodPodcastsSpotify.…
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่4 (336) ซวยแล้ว! “เพราะมนุษย์ไม่รู้วาระของตน ปลาติดอยู่ในอวนที่เลวร้ายฉันใด และนกถูกดักติดอยู่ในบ่วงแร้วฉันใด บรรดามนุษย์ก็ถูกวาระอันเลวร้ายนั้นดักจับ โดยฉับพลันเหมือนกันฉันนั้น” ~ปัญญาจารย์ 9:12 THSV11 “You never know when your time is coming. Like birds suddenly caught in a trap, like fish caught in a net, we are trapped at some evil moment when we least expect it.” ~Ecclesiastes 9:12 GNT มีคนส่งเรื่องหนึ่งมาให้อ่าน ผมเห็นว่ามีข้อคิดเตือนสติดี จึงขอนำมาแบ่งปันดังนี้ “นักกอล์ฟชรานายหนึ่ง นั่งดื่มเบียร์คนเดียวอยู่ในผับ ระหว่างที่กำลังใช้มือคลึงแก้วเบียร์อยู่นั้น หนุ่มแว้นนายหนึ่ง เดินเอะอะพรวดพลาดเข้ามาในผับ แล้วก็คว้าแก้วเบียร์ในมือนักกอล์ฟชรา ยกขึ้นดื่มรวดเดียวหมดแก้ว หนุ่มแว้น : (วางแก้เบียร์ แล้วจ้องหน้านักกอล์ฟชรา) ”มีอะไรมั้ย ลุง! นักกอล์ฟชรา :(ส่งเสียงเครียดๆ ปนสะอื้น) “ลุงเหลืออดแล้วนะเว้ย! ..ซวยทั้งวัน เช้าถูกไล่ออกจากงาน กลางวันรถหาย บ่ายเมียหย่า!” หนุ่มแว้น : (เริ่มสงสาร) “ไหงซวยขนาดนั้นล่ะลุง?” นักกอล์ฟชรา : “ลุงไม่อยากจะมีชีวิตต่อ เพื่อที่จะเจอแต่เรื่องเฮงซวยอีกแล้ว!” หนุ่มแว้น : “ใจเย็นๆ น่าลุง!” นักกอล์ฟชรา : ”เย็นไม่ไหวแล้วเว้ย เมื่อกี๊ลุงจะกินเบียร์ผสมยาพิษ แต่เอ็งดันมาแย่งลุงไปกินอีก …จะให้ลุงซวยไปถึงไหน หา?“ นี่เป็นเรื่องราวตลกร้าย! นักกอล์ฟชราที่กำลังประสบปัญหาในชีวิตหลายอย่าง ไม่ว่าจะ ~ถูกไล่ออกจากงาน ~รถหาย และ ~เมียหย่า เขาจึงตัดสินใจที่จะจบชีวิตตัวเองด้วยการดื่มเบียร์ผสมยาพิษ แต่เจ้าหนุ่มแว้น กลับเข้ามาแย่งแก้วเบียร์ไปดื่มโดยไม่รู้ว่าเบียร์นั้นมีสารพิษผสมอยู่! เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นถึงความไม่แน่นอนของชีวิต และสอนให้รู้ว่า บางครั้งสิ่งที่เราคิดว่าเป็นความโชคร้ายอาจกลายเป็นโชคดีในที่สุด และ การจบชีวิตไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุดสำหรับปัญหา การขอความช่วยเหลือจากคนรอบข้างหรือผู้เชี่ยวชาญ เช่น นักจิตวิทยา หรือสายด่วนสุขภาพจิต หรือ การไปปรึกษาศิษยาภิบาล ที่ปรึกษา หรืออาจารย์ ที่โบสถ์ อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่าในการจัดการกับความเครียดและปัญหาชีวิต แทนที่จะรู้สึกสิ้นหวัง จนทำร้ายตัวเองอย่างสิ้นคิด! พี่น้องที่รัก “ ไม่มีใครรู้ว่าเมื่อไรจะถึงคราวของตน เหมือน 1.ปลาติดร่างแหอันโหดร้าย 2.นกติดกับฉันใด 3.คนก็ติดกับของคราวร้าย ซึ่งโถมเข้าใส่เขาโดยไม่นึกไม่ฝันฉันนั้น” ~ปัญญาจารย์ 9:12 TNCV ดังนั้น ขอให้เราฟังคำเตือนสติของปัญญาจารย์ พร้อมที่จะรับมือกับเคราะห์ร้ายของชีวิตอย่างไม่สิ้นหวัง และมีสติที่จะไม่ผลีผลามทำอะไร จนต้องประสบเคราะห์ร้ายโดยไม่สมควร …จะดีไหมครับ? ~~~~~~~~~~~~~~~ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 2มีนาคม2025 #YoutubeCJCONNECT #thongchaibsc#คริสตจักรแห่งความรัก #ขขchurchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี#SoulFoodPodcastsSpotify.…
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่4 (335) สิ่งที่พึงมี หรือ พึงทำ ร่วมกัน! “สองคนจะเดินไปด้วยกันได้หรือ นอกจากทั้งสองจะได้ตกลงกันไว้ก่อน?” ~อาโมส 3:3 THSV11 “Do two walk together unless they have agreed to do so?” ~Amos 3:3 NIV สิ่งที่เราพึงมีในสัมพันธภาพระหว่างกัน ก็คือ 1.Mutual Love (ความรักที่มีร่วมกัน) “เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ จงรักกันและกันให้มาก เพราะความรักให้อภัยบาปมากมายได้” ~1 เปโตร 4:8 THSV11 2.Mutual care (ความห่วงใยที่มีร่วมกัน) “เพื่อไม่ให้มีการแตกแยกกันในร่างกาย แต่ให้อวัยวะต่างๆ มีความห่วงใยแบบเดียวกันต่อกันและกัน” ~1 โครินธ์ 12:25 THSV11 3.Mutual respect (การให้เกียรติที่มีร่วมกัน) “จงรักกันฉันพี่น้อง จงขวนขวายในการให้เกียรติกันและกัน” ~โรม 12:10 THSV11 4.Mutual understanding (ความเข้าใจที่มีร่วมกัน) “พวกท่านที่เป็นสามีก็เช่นกัน จงอยู่กินกับภรรยาด้วยความเข้าใจ ในฐานะที่เธอเป็นเพศที่อ่อนแอกว่า และ จงให้เกียรติเธอในฐานะที่เป็นทายาทร่วมรับชีวิตอันเป็นพระคุณ เพื่อคำอธิษฐานของพวกท่านจะไม่ถูกขัดขวาง” ~1 เปโตร 3:7 THSV11 5.Mutual agreement (ข้อตกลงที่มีร่วมกัน) “อย่าปฏิเสธความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาเว้นแต่ได้ตกลงกันเป็นการชั่วคราว เพื่ออุทิศตัวในการอธิษฐาน แล้วจึงค่อยมามีความสัมพันธ์กันอีก เพื่อไม่ให้ซาตานล่อลวงให้ทำผิดเพราะตัวอดไม่ได้” ~1 โครินธ์ 7:5 THSV11 6.Mutual responsibility (ความรับผิดชอบที่มีร่วมกัน) “จงช่วยรับภาระของกันและกัน และด้วยการกระทำเช่นนี้ ท่านทั้งหลายก็ได้ปฏิบัติตามธรรมบัญญัติของพระคริสต์” ~กาลาเทีย 6:2 THSV11 7.Mutual submission (การยอมรับฟังกันและกัน) “จงยอมเชื่อฟังกันและกันเนื่องด้วยความยำเกรงพระคริสต์” ~เอเฟซัส 5:21 THSV11 สรุป สัมพันธภาพที่คุณมีต่อผู้อื่นจะเข้มแข็งมั่นคงมากขึ้น หากว่าความสัมพันธ์นั้นประกอบด้วย 1.Mutual Love (ความรักที่มีร่วมกัน) 2.Mutual care (ความห่วงใยที่มีร่วมกัน) 3.Mutual respect (การให้เกียรติที่มีร่วมกัน) 4.Mutual understanding (ความเข้าใจที่มีร่วมกัน) 5.Mutual agreement (ข้อตกลงที่มีร่วมกัน) 6.Mutual responsibility (ความรับผิดชอบที่ร่วมกัน 7.Mutual submission (การยอมรับฟังกันและกัน) …เห็นด้วยไหมครับ? ~~~~~~~~~~~~~~~ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 1มีนาคม2025 #YoutubeCJCONNECT #thongchaibsc#คริสตจักรแห่งความรัก #ขขchurchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี#SoulFoodPodcastsSpotify.…
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่4 (334) สิ่งที่พระเจ้าทรงเตือนว่าอย่าทำ! “เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นกับพวกเขาเพื่อเป็นตัวอย่าง และได้เขียนไว้เพื่อเตือนสติเราผู้ซึ่งมาถึงวาระสุดท้ายของยุคนี้แล้ว” ~1 โครินธ์ 10:11 THSV11 “All these things happened to them as examples for others, and they were written down as a warning for us. For we live at a time when the end is about to come.” ~1 Corinthians 10:11 GNT ในพระธรรมหนึ่งโครินธ์ 10นี้ กล่าวถึงสิ่งพระเจ้ารังเกียจ และไม่ประสงค์ให้เราเป็น หรือ ทำเช่นนั้น ในตอนนี้ ขอกล่าวถึง 4สิ่งที่พระเจ้าเตือนเราว่า อย่าทำสิ่งต่อไปนี้ 1.บาป คืออย่าทำสิ่งต่อไปนี้ 1).การกระทําที่ผิดเป้าประสงค์หรือหลักคำสอนของพระเจ้า (เอเฟซัส5:17;โรม12:2) 2).การละเมิดกฎเกณฑ์/บัญญัติของพระเจ้า ทำชั่วมัวหมอง (1 ยอห์น 3:4) และ 3).การกบฏต่อพระเจ้า ขัดขืนคำบัญชาของพระองค์(เฉลยธรรมบัญญัติ 9:7, โยชูวา 1:18) “เหตุการณ์เหล่านี้เป็นเครื่องเตือนใจเราไม่ให้ปรารถนาสิ่งชั่วเหมือนเขาทั้งหลาย พวกท่านอย่านับถือรูปเคารพเหมือนบางคนในพวกเขาได้ทำ ดังที่มีเขียนไว้ว่า “ประชาชนก็นั่งลงกินและดื่ม แล้วก็ลุกขึ้นเล่นสนุกสนาน” อย่าให้เราล่วงประเวณีเหมือนบางคนในพวกเขาได้ทำ แล้วก็ล้มลงตายในวันเดียวสองหมื่นสามพันคน” ~1 โครินธ์ 10:6-8 THSV11 2.เบ่ง คือ อย่าทําให้พองตัวขึ้นหรือขยายตัวออก จนหลงตนและลองดีกับพระเจ้า “อย่าให้เราลองดีพระคริสต์ เหมือนบางคนในพวกเขาได้ทำ แล้วต้องพินาศด้วยงูร้าย เพราะเหตุนี้คนที่คิดว่าตัวเองมั่นคงดีแล้ว ก็จงระวังไม่ให้ล้มลง” ~1 โครินธ์ 10:9, 12 THSV11 3.บ่น คือ อย่าพูดพรํ่าหรือว่ากล่าวซํ้า ๆ ซาก ๆท้าทายพระเจ้า “อย่าให้เราบ่นเหมือนบางคนในพวกเขาได้ทำ แล้วต้องพินาศด้วยองค์เพชฌฆาต” ~1 โครินธ์ 10:10 THSV11 4.บื้อ คือ อย่าทึ่ม,โง่ หรือไม่เรียนรู้พระวจนะและพระทัยของพระเจ้าจนเกิดคำถามที่ไม่สมควรถาม “ไม่มีการทดลองใดๆ เกิดขึ้นกับท่านทั้งหลาย นอกเหนือการทดลองซึ่งเคยเกิดกับมนุษย์ พระเจ้าทรงซื่อสัตย์ พระองค์จะไม่ทรงให้พวกท่านต้องถูกทดลองเกินกว่าที่ท่านจะทนได้ และเมื่อถูกทดลอง พระองค์จะทรงให้มีทางออกด้วย เพื่อพวกท่านจะมีกำลังทนได้ ทุกสิ่งที่ขายตามตลาดเนื้อนั้นรับประทานได้ ไม่ต้องถามอะไรเนื่องจากมโนธรรม ถ้าคนที่ไม่เชื่อเชิญพวกท่านไปในงานเลี้ยง และท่านต้องการจะไป ทุกสิ่งที่เขาตั้งให้รับประทาน ก็รับประทานได้ โดยไม่ต้องถามอะไรเนื่องจากมโนธรรม แต่ถ้ามีใครมาบอกพวกท่านว่า “ของนี้เขาถวายแก่รูปเคารพแล้ว” ท่านก็อย่ารับประทานเพื่อเห็นแก่คนที่บอกนั้น และเพื่อเห็นแก่มโนธรรมด้วย (ข้าพเจ้าไม่ได้หมายถึงมโนธรรมของพวกท่าน แต่หมายถึงมโนธรรมของคนที่บอกนั้น) ทำไมเสรีภาพของข้าพเจ้าต้องถูกตัดสินด้วยมโนธรรมของคนอื่น? ถ้าข้าพเจ้ารับประทานด้วยขอบพระคุณ ทำไมข้าพเจ้าต้องถูกว่าร้ายเพราะสิ่งที่ได้ขอบพระคุณแล้ว? อย่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้พวกยิว หรือพวกกรีก หรือคริสตจักรของพระเจ้าหลงผิดไป” ~1 โครินธ์ 10:13, 25, 27-30, 32 THSV11 พี่น้องที่รัก วันนี้ ให้เราสำรวจตัวของเราดูว่ายังมีสิ่งใดบ้างที่พระเจ้า 1.ทรงรังเกียจและ 2.ทรงเตือนเราไว้ว่า อย่าทำอยู่บ้างหรือไม่? ถ้ามี ก็ให้เรารีบสลัดทิ้งในทันที …จะดีไหมครับ? ~~~~~~~~~~~~~~~ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 28กุมภาพันธ์2025 #YoutubeCJCONNECT #thongchaibsc#คริสตจักรแห่งความรัก #ขขchurchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี#SoulFoodPodcastsSpotify.…
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่4 (333) ภาษารักสำหรับTarget ของเรา? “ตัวดิฉันเป็นกรรมสิทธิ์ของที่รักของดิฉัน และความปรารถนาของเขาก็คือตัวดิฉัน” ~เพลงซาโลมอน 7:10 THSV11 “I belong to my beloved, and his desire is for me.” ~Song of Songs 7:10 NIV คนเราจะไม่เข้าใจกัน ถ้าหากว่าเราพูดกันคนละภาษา! บางครั้งช่างน่าเสียดาย และบางทีก็น่าเสียใจ หากว่าเราพยายามที่จะบอกใครสักคนหนึ่งว่า เรารักเขาและเราต้องการเขา แต่ว่าเขาไม่เข้าใจในภาษาที่เราสื่อออกไปเลย ส่วนใหญ่เป็นเพราะว่าเราไม่ได้ตระหนักว่า ความรักนั้นก็มีภาษาของมันเอง เช่นเดียวกับภาษาที่เราใช้พูดหรือสื่อสารกันในเรื่องอื่นๆโดยทั่วไป เจตนาดี ความรู้สึก หรือกระทำดีๆของเรา หลายอย่าง จึงไม่เกิดประโยชน์อะไร หากผู้รับไม่เข้าใจภาษาที่เราสื่อไปถึงเขา ดังนั้นในการสื่อสารความรักของเรา เราต้องศึกษา“ภาษารัก”ที่“เป้าหมาย”(TARGET)ของเราเข้าใจก่อน ให้เรามาลองวิเคราะห์ดูว่า ภาษารักที่ “เป้าหมาย”ของเราสามารถ 1.เข้าใจ และ 2.พอใจ คือ อะไร? อะไรคือภาษารักที่คนซึ่งเป็น“เป้าหมาย”(TARGET)ของคุณ กำลังรอการสื่อสารจากคุณอยู่? T – Time (การให้เวลา) ~สำหรับบางคนภาษารักของเขา ที่เขาต้องการจากคุณ ก็คือ “การใช้ เวลา”กับเขาเป็นพิเศษอย่างมีคุณภาพเป็นส่วนตัว นั่นคือถ้าคุณรักเขาคุณต้องจัดเวลาและใช้เวลาตามลำพังกับเขา เพื่อแสดงความหวานชื่นต่อ กันก่อนสิ่งอื่นใดเป็นประจำ A – Assistance(การแบ่งเบาช่วยเหลือ)~สำหรับบางคน ภาษารักของเขาคือ “การช่วยแบ่งเบา ภาระ”ของเขา นั่นคือ ถ้ารักเขา คุณต้องหมั่นดูแลเขาและพร้อมช่วยเหลือเขาเสมอในยามที่เขา ต้องการ R – Respect(การเคารพให้เกียรติ)~ สำหรับบางคน ภาษารักของเขาคือ “การให้เกียรติซึ่งกัน และกัน”โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องความคิดเห็น ความเชื่อและความชอบ รวมไปถึงการให้ เกียรติ พ่อแม่ญาติผู้ใหญ่ พี่น้องและเพื่อนของเขาด้วย G – Gift (การมอบของขวัญ) ~ สำหรับบางคนภาษารักของเขาคือ“ การบรรจงมอบของบางสิ่ง” อันเปี่ยมความหมาย(โดยอาจไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งของราคาแพง แต่เป็นสิ่งของที่เขาชอบมาก หรือเป็นสิ่งที่มีเรื่องราวและความรู้สึกถึงคุณค่าของเขาอัดแน่นอยู่เต็มเปี่ยม) E –Encouragement (การให้กำลังใจ)~ สำหรับบางคน ภาษารักของเขาคือ การใช้คำพูด หรือถ้อยคำที่สนับสนุน หนุนใจ ให้แก่กันและกันเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามที่เขากำลัง ท้อแท้ใจและต้องการใครสักคนอยู่เคียงข้างและคอยปลอบโยนเขา T –Touch (การสัมผัสทางกาย) ~ สำหรับบางคนภาษารักของเขาคือการได้ใกล้ชิดสัมผัสซึ่งกัน และกันด้วยความเสน่หาอาทรและห่วงใย อาทิ การจับมือ หรือ การโอบกอด ฯลฯ ในยามที่ เขาต้องการความมั่นใจว่าเขายังเป็นที่ปรารถนาของเราอยู่เสมอมาและจะเสมอไป ใช่ครับ ภาษารักที่สำคัญคือ ภาษารักที่ผู้รับรู้ สามารถเข้าใจในความหมายตรงตามเจตนารมณ์ของผู้สื่อสารอย่างชัดเจน ภาษารักที่มีคุณค่าและมีคุณประโยชน์คือ ภาษารักที่ผู้รับ ได้รับการสื่อว่า เขายัง 1.เป็นที่รัก(Beloved) และ 2.เป็นที่ต้องการ(Desired) อยู่ ณ เวลานั้น และได้รับการยืนยันตอกย้ำว่า เขา 1).จะเป็นที่รักและ 2).จะเป็นที่ต้องการ หรือ ที่ปรารถนาของเราเช่นนั้นต่อไปอีก จนกระทั่งถึงวันสุดท้ายของชีวิต! พี่น้องที่รัก คุณวันนี้ คุณจะแสดงความรักผ่านภาษาใดข้างต้น ต่อคนที่คุณรัก ในขณะที่เขากำลังต้องการและสามารถ 1.จะเข้าใจ และ 2.จะพอใจ ได้อย่างเต็มเปี่ยม? …แล้วภาษารักของคุณเองล่ะ คือ อะไร? ~~~~~~~~~~~~~~~ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 27กุมภาพันธ์2025 #YoutubeCJCONNECT #thongchaibsc#คริสตจักรแห่งความรัก #ขขchurchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี#SoulFoodPodcastsSpotify.…
ขอต้อนรับสู่ Player FM!
Player FM กำลังหาเว็บ
Daily Deals
Player FM - แอป Podcast
ออฟไลน์ด้วยแอป Player FM !
ออฟไลน์ด้วยแอป Player FM !
))
